แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ประกาศรัฐมนตรีกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ไม่ใช่กฎหมายเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ต้องนำสืบว่ามีประกาศเป็นเขตควบคุมแล้ว โจทก์ไม่นำสืบ ศาลลงโทษและริบไม้ของกลางไม่ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ จำคุกจำเลย 6เดือน ริบไม้แปรรูป 109 แผ่นของกลาง ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48, 72, 74 ฉบับที่ 4 มาตรา 17 ฉบับที่ 5 มาตรา 19 จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่าไม้สักแปรรูป109 แผ่น ปริมาตร 2.38 ลูกบาศก์เมตร ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองนั้น จะเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 5 บัญญัติว่า “พระราชบัญญัติกฤษฎีกาหรือประกาศรัฐมนตรีซึ่งกำหนดขึ้นตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ให้คัดสำเนาประกาศติดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอและที่ทำการค้านั้น หรือที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้อง” วัตถุประสงค์ของกฎหมายมาตรานี้ ก็เพื่อจะให้ประชาชนทั่วไปได้รู้ข้อกำหนดของทางราชการว่ามีประการใดบ้าง และตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ดังนี้เห็นได้ว่าเขตควบคุมการแปรรูปไม้เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบ เพราะประกาศรัฐมนตรีหาใช่เป็นกฎหมาย หรือเป็นข้อเท็จจริงที่ประชาชนรู้กันทั่วไปไม่ เมื่อโจทก์มิได้นำสืบในข้อนี้เลยก็ไม่มีทางที่จะทราบได้ว่าตำบลที่เกิดเหตุเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้หรือไม่ ทั้งในชั้นพิจารณาของศาลจำเลยก็ปฏิเสธในข้อนี้ ไม่มีข้อความใดที่จะถือได้ว่าจำเลยยอมรับหรือรับว่าได้ทราบประกาศกระทรวงเกษตร ลงวันที่ 3 พศจิกายน 2499 ในเรื่องให้ตำบลสันกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ท้องที่ที่จำเลยมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 313/2518 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดน่าน โจทก์นายชินเขียนหรือเหลา หุยตรง จำเลย เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดก็ริบไม้ของกลางไม่ได้ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ไม้ของกลางไม่ริบ”