คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2431/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าร่วมทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายที่ 1 การที่จำเลยกับพวกช่วยกันถีบผู้ตายกับผู้เสียหายที่ 1 ตกจากรถยนต์โดยสารขณะที่รถยนต์นั้นกำลังแล่นด้วยความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้ตายอาจไปกระแทกผู้เสียหายที่ 2 ที่ยืนอยู่ตรงบันไดตกจากรถไปด้วยกันได้และศีรษะกับลำตัวของผู้ตายหรือของผู้เสียหายทั้งสองอาจกระแทกกับพื้นถนนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังปรากฏว่าผู้ตายมีเลือดออกในผนังหัวใจ ในปอดและกระบังลม เนื้อสมองบวมทั้งสมองอันเกิดจากแรงภายนอกกระทำต่อศีรษะและหน้าอกของผู้ตายอย่างรุนแรงอันถือได้ว่าเป็นผลธรรมดาจากการกระทำของจำเลยกับพวก การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ เวลากลางวันจำเลยกับพวกอีก ๒ คน ซึ่งเป็นเยาวชนและแยกไปดำเนินคดีต่างหากได้ร่วมกันพามีดพร้าหัวตัดทั้งด้ามและตัวมีดยาวประมาณ ๒๔ นิ้ว ไปในเมือง หมู่บ้านและ ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร จำเลยกับพวกโดยมีเจตนาฆ่าได้ใช้อาวุธมีดดังกล่าวฟันนายทศพล เพชรปานกัน ผู้ตาย ขณะอยู่บนรถยนต์โดยสารสวัสดิการกองทัพอากาศแต่ไม่ปรากฏว่ามีดถูกผู้ตายหรือไม่ จากนั้นจำเลยกับพวกได้ถีบผู้ตายขณะรถยนต์แล่นด้วยความเร็วประมาณ ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนผู้ตายตกจากรถยนต์และถึงแก่ความตาย สมดังเจตนาของจำเลยกับพวก และจำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้มีดดังกล่าวฟันนายกาญจนสิทธิ์ เดือนเพ็ญ ผู้เสียหายที่ ๑ และนายสมหมาย ชั้นปั้นแตง ผู้เสียหายที่ ๒ ขณะโดยสารอยู่บนรถยนต์โดยสารสวัสดิการกองทัพอากาศ แต่ผู้เสียหายทั้งสองหลบมีดจึงไม่ถูกผู้เสียหายทั้งสอง จากนั้นจำเลยกับพวกได้ร่วมกันถีบผู้เสียหายทั้งสองขณะรถยนต์แล่นด้วยความเร็ว ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนผู้เสียหายทั้งสองตกจากรถยนต์โดยสารจำเลยกับพวกได้ลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเนื่องจากผู้เสียหายทั้งสองไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวกแต่เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ ๑ ได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและจนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ส่วนผู้เสียหายที่ ๒ ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓, ๘๐, ๓๗๑, ๙๑ ริบมีดพร้าของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๓, ๘๐ จำเลยอายุ ๑๙ ปี ขณะกระทำผิดเป็นนักเรียนเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๖ ลงโทษฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จำคุก ๑๐ ปี ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุก ๖ ปี ๘ เดือน รวมจำคุก ๑๖ ปี ๘ เดือน ยกฟ้อง ความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ริบอาวุธมีดพร้าของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๒๘๘ และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐ , ๘๓, ๒๘๘ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ระหว่างที่ ผู้ตายกับผู้เสียหายที่ ๑ และที่ ๒ โดยสารมาในรถยนต์โดยสารสวัสดิการกองทัพอากาศได้ถูกกลุ่มนักเรียนโรงเรียน เทคโนโลยี่ประชาชื่นรุมทำร้าย ผู้ตายถูกถีบตกจากรถเป็นคนแรกซึ่งผู้ตายได้กระแทกผู้เสียหายที่ ๒ ที่ยืนอยู่ตรงบันไดรถตกจากรถตามมาด้วย แล้วผู้เสียหายที่ ๑ ก็ถูกถีบตกจากรถเป็นคนหลังสุด เป็นเหตุให้ผู้ตายกระแทกกับพื้นถนนจนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพและความเห็นของแพทย์ท้ายฟ้อง ส่วนผู้เสียหาย ที่ ๑ และที่ ๒ ได้รับบาดเจ็บ ปรากฏตามรายงานชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง
คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยร่วมกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเข้าร่วมทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายที่ ๑ การที่จำเลยกับพวกช่วยกันถีบผู้ตายกับผู้เสียหายที่ ๑ ตกจากรถยนต์โดยสารขณะที่รถยนต์นั้นกำลังแล่นด้วยความเร็วประมาณ ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ผู้ตายอาจไปกระแทกผู้เสียหายที่ ๒ ที่ยืนอยู่ตรงบันไดตกจากรถไปด้วยกันได้และศีรษะกับลำตัวของผู้ตายหรือของผู้เสียหายทั้งสองอาจกระแทกกับพื้นถนนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังปรากฏว่าผู้ตายมีเลือดออกในผนังหัวใจในปอดและกระบังลม เนื้อสมองบวมทั้งสมอง อันเกิดจากแรงภายนอกกระทำต่อศีรษะและหน้าอกของผู้ตายอย่างรุนแรงอันถือได้ว่าเป็นผลธรรมดาจากการกระทำของจำเลยกับพวก การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง
พิพากษายืน

Share