คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยที่2และที่5รู้อยู่ก่อนแล้วว่าจำเลยที่1มิได้ชื่อ ป. และมิได้เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งมีชื่อ ป. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดทั้งโฉนดที่ดินดังกล่าวมิได้สูญหายไปแล้วยังแจ้งข้อความเท็จดังกล่าวให้ ฉ. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่รับเรื่องราวคำขอออกใบแทนโฉนดที่ดินจดลงไว้ในบันทึกถ้อยคำในการขอออกใบแทนโฉนดที่ดินแทน ป. จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่2และที่5เจตนาแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา267

ย่อยาว

คดี สำนวน นี้ ศาลชั้นต้น รวม พิจารณา พิพากษา กับ คดี อีก สำนวน หนึ่งโดย ให้ เรียก จำเลย ใน อีก สำนวน หนึ่ง เป็น จำเลย ที่ 6 คดี คง ขึ้น มา สู่ศาลฎีกา เฉพาะ สำนวน คดี นี้
โจทก์ ทั้ง สอง สำนวน ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง หก ได้ ร่วมกันกระทำผิด ต่อ กฎหมาย หลายกรรม กล่าว คือ ระหว่าง กลางเดือน มิถุนายน2534 ถึง วันที่ 1 สิงหาคม 2534 เวลา กลางวัน วัน เวลา ใด ไม่ปรากฏ ชัดจำเลย ที่ 1 ที่ 3 และ ที่ 4 ได้ ร่วมกัน ทำ ปลอม บัตรประจำตัวประชาชนอันเป็น เอกสารราชการ ขึ้น ทั้ง ฉบับ ให้ มี ข้อความ และ ตัวอักษร เหมือนบัตรประจำตัวประชาชน ที่ แท้จริง ระบุ ชื่อ นางสาว ปริยา ธีระกุล แล้ว นำ ภาพถ่าย ของ จำเลย ที่ 1 ติด ใน ช่อง ภาพถ่าย ด้านหน้า บัตร กับ ลง ลายมือชื่อ ปลอม ของ เจ้าพนักงาน ออก บัตร ด้านหลัง บัตรประจำตัวประชาชนปลอม ดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อ ให้ บุคคล หนึ่ง บุคคล ใด ที่ พบ เห็น หลงเชื่อ ว่าเป็น เอกสาร ที่ แท้จริง ที่ ออก ให้ แก่ จำเลย ที่ 1 โดย ประการ ที่ น่า จะ เกิดความเสียหาย แก่ นางสาว ปริยา และ ผู้อื่น หรือ ประชาชน ต่อมา วันที่ 1 สิงหาคม 2534 และ วันที่ 16 สิงหาคม 2534 เวลา กลางวันจำเลย ที่ 1 ที่ 3 และ ที่ 4 ได้ ร่วมกัน ใช้ และ อ้าง บัตรประจำตัวประชาชนปลอม ดังกล่าว ต่อ นาย ฉลาด ทำนุพรพันธ์ เจ้าพนักงาน ที่ดิน กรุงเทพมหานคร สาขา บางกะปิ โดย ประการ ที่ น่า จะ เกิด ความเสียหาย แก่ นางสาว ปริยา นายฉลาด ผู้อื่น และ ประชาชน และ ใน วันที่ 1 สิงหาคม 2534 นั่นเอง จำเลย ที่ 1 และ ที่ 3 ถึง ที่ 5 ได้ ร่วมกัน แจ้ง ข้อความอันเป็นเท็จ ต่อ นาย ฉลาด เจ้าพนักงาน ที่ดิน กรุงเทพมหานคร สาขา บางกะปิ ว่า จำเลย ที่ 1 มี ชื่อ ว่า นางสาว ปริยา ธีระกุล เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 143163 ตำบล วังทองหลาง อำเภอ บางกะปิ กรุงเทพมหานคร จำนวน ที่ดิน 14 ไร่ 58 ตารางวา และ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว ได้ สูญหาย ไป ขอให้ ออก ใบแทน โฉนด ให้ อันเป็นความเท็จ ทั้ง จำเลย ที่ 1 และ ที่ 3 ถึง ที่ 5 ได้ ร่วมกัน แจ้ง ให้นาย ฉลาด ซึ่ง มี หน้าที่ สอบสวน รับคำ ขอ ออก ใบแทน โฉนด ที่ดิน จด ข้อความ อันเป็นเท็จ ลง ใน เอกสาร บันทึก ถ้อยคำ แบบ (ท.ด.1) อันเป็น เอกสารราชการว่า จำเลย ที่ 5 รู้ จัก กับ จำเลย ที่ 1 ขอรับ รอง ว่า ตาม ที่ จำเลย ที่ 1ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 143163 ผู้ยื่น คำขอ ออก ใบแทน โฉนดได้ กล่าวอ้าง ว่า ได้ ทำ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว สูญหาย ไป นั้น เป็น ความจริง อันเป็น ความเท็จ ซึ่ง ความจริง แล้ว จำเลย ที่ 1 มิได้ มี ชื่อ ว่านางสาว ปริยา ธีระกุล และ มิได้ เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน ดังกล่าว ทั้ง โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว มิได้ สูญหาย ไป แต่อย่างใด จำเลย ที่ 1และ ที่ 3 ถึง ที่ 5 ได้ แจ้ง ข้อความ อันเป็นเท็จ และ แจ้ง ให้ เจ้าพนักงานจด ข้อความ อันเป็นเท็จ ดังกล่าว โดย ประการ ที่ น่า จะ เกิด ความเสียหายแก่ นางสาว ปริยา นายฉลาด และ ประชาชน นอกจาก นี้ ใน วันที่ 16 สิงหาคม 2534 จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 4 และ ที่ 6 ได้ ร่วมกัน แจ้ง ให้นาย ฉลาด เจ้าพนักงาน ที่ดิน ซึ่ง มี หน้าที่ สอบสวน รับคำ ขอ ออก ใบแทน โฉนด ที่ดิน จด ข้อความ อันเป็นเท็จ ลง ใน เอกสาร บันทึก ถ้อยคำ แบบ (ท.ด.16)อันเป็น เอกสารราชการ ว่า จำเลย ที่ 2 เป็น ญาติ กับ จำเลย ที่ 1 ขอรับ รองว่า จำเลย ที่ 1 เป็น ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 143163 จริงและ จำเลย ที่ 1 ได้ ทำ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว สูญหาย ไป นั้น เป็น ความจริงซึ่ง ความจริง แล้ว จำเลย ที่ 1 มิได้ เป็น ผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนดดังกล่าว และ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว มิได้ สูญหาย ไป การ แจ้งความเท็จดังกล่าว น่า จะ เกิด ความเสียหาย แก่ นางสาว ปริยา นายฉลาด และ ประชาชน เหตุ ทั้งหมด เกิด ที่ แขวง และ เขต ใด ไม่ปรากฏ ชัด และ แขวง คลองจั่น เขต บางกะปิ กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพัน กัน ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 264, 265, 267, 268, 91, 83, 33และ ริบของกลาง
จำเลย ทั้ง หก ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ที่ 1 มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 268 วรรคแรก และ วรรคสอง มาตรา 267 ความผิด ฐาน ใช้เอกสารปลอม เกิดจาก ผู้ ปลอมเอกสาร ราชการ ลงโทษ ตาม มาตรา 265(ที่ ถูก เป็น มาตรา 268 วรรคสอง ) แต่ กระทง เดียว จำคุก 4 ปี ลงโทษฐาน แจ้ง ให้ เจ้าพนักงาน จด ข้อความเท็จ จำคุก 2 ปี รวม จำคุก 6 ปีจำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267จำคุก คน ละ 2 ปี ของกลาง ริบ ยกฟ้อง จำเลย ที่ 3 ที่ 4 และ ที่ 6
โจทก์ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 อุทธรณ์ โดย อัยการ สูงสุด รับรอง ให้โจทก์ อุทธรณ์ ใน ปัญหาข้อเท็จจริง ที่ เกี่ยวกับ จำเลย ที่ 3 ที่ 4และ ที่ 6
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 ฎีกา โดย ผู้พิพากษา ซึ่ง ลงชื่อ ใน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ อนุญาต ให้ ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ ยุติ โดยโจทก์ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 มิได้ โต้แย้ง กัน ว่า จำเลย ที่ 1 ชื่อนางสาว สุมาลี โรจนวงศ์ เกิด เมื่อ ปี 2497 มี ภูมิลำเนา อยู่ ที่ บ้าน เลขที่ 17/135 ซอย เคหะคลองเตย 2 แขวงคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ตาม บัตรประจำตัวประชาชน เอกสาร หมาย จ. 25แผ่น ที่ 2 จำเลย ที่ 1 มิได้ มี ชื่อ ว่า นางสาว ปริยา ธีระกุล เกิด วันที่ 2 มีนาคม 2504 และ อยู่ ที่ บ้าน เลขที่ 108 ถนน พาดสาย แขวง สัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร และ มิได้ เป็น ผู้มีชื่อ ถือ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 143163 เลขที่ ดิน 4705ตำบล วังทองหลาง อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 14 ไร่ 58 ตารางวา แต่อย่างใด ความจริง ที่ดิน โฉนด ดังกล่าวนางสาว ปริยา ธีระกุล เป็น ผู้มีชื่อ ถือ กรรมสิทธิ์ และ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว มิได้ สูญหาย ไป จาก ความ ครอบครอง ของ นางสาว ปริยา แต่อย่างใด วันที่ 1 สิงหาคม 2534 จำเลย ที่ 5 ได้ ไป ที่ สำนักงาน ที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขา บางกะปิ แสดง ตน ต่อ นาย ฉลาด ทำนุพรพันธ์ เจ้าพนักงาน ผู้ มี หน้าที่ รับ เรื่องราว คำขอ ออก ใบแทน โฉนด ที่ดิน ว่าตน เป็น ข้าราชการ บำนาญ มี ชื่อ และ ที่อยู่ ตาม บัตร ประจำตัว ผู้รับเงินบำนาญ และ มี ภูมิลำเนา ตาม สำเนา ทะเบียนบ้าน ที่ นำ มา ให้ ดูหลังจาก ดู แล้ว ได้ มอบ ภาพถ่าย ไว้ แทน ตาม เอกสาร หมาย จ. 6 และ จ. 7นาย ฉลาด ได้ บันทึก ถ้อยคำ ของ จำเลย ที่ 5 ไว้ ตาม เอกสาร หมาย จ. 8และ ให้ จำเลย ที่ 5 ลงลายมือชื่อ ไว้ วันที่ 16 สิงหาคม 2534 จำเลยที่ 2 ไป ที่ สำนักงาน ที่ดิน กรุงเทพมหานคร สาขา บางกะปิ แสดง ตน ต่อ นาย ฉลาด เจ้าพนักงาน ผู้ มี หน้าที่ รับ เรื่องราว คำขอ ออก ใบแทน โฉนด ที่ดิน ว่า ตน ชื่อ พันโท จำลอง ท้วมเจริญ ตาม บัตร ผู้ได้รับ เหรียญ ชัยสม รภูมิ และ มี ภูมิลำเนา ตาม สำเนา ทะเบียนบ้าน ที่ นำ มา ให้ ดูหลังจาก ดู แล้ว ได้ มอบ ภาพถ่าย ไว้ แทน ตาม เอกสาร หมาย จ. 12 และ จ. 13นาย ฉลาด ได้ บันทึก ถ้อยคำ จำเลย ที่ 2 ไว้ ตาม เอกสาร หมาย จ. 14 และ ให้ จำเลย ที่ 2 ลงลายมือชื่อ ไว้
มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 ว่าจำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 ได้ แจ้ง ให้ นาย ฉลาด เจ้าพนักงาน ผู้กระทำ การ ตาม หน้าที่ ใน การ รับ เรื่องราว คำขอ ออก ใบแทน โฉนด ที่ดิน จด ข้อความ อันเป็นเท็จ ลง ใน เอกสาร หมาย จ. 8 และ จ. 14 ที่ เป็น เอกสารราชการ ซึ่งมี วัตถุประสงค์ สำหรับ ใช้ เป็น พยานหลักฐาน โดย ประการ ที่ น่า จะ เกิดความเสียหาย แก่ ผู้อื่น หรือ ประชาชน หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ มี นาย ฉลาด ซึ่ง เป็น เจ้าพนักงาน ผู้กระทำ การ ตาม หน้าที่ ใน การ รับ เรื่องราว คำขอออก ใบแทน โฉนด ที่ดิน เบิกความ ยืนยัน ว่า จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5ได้ ไป แจ้ง ให้ พยาน จด ข้อความ ลง ใน เอกสารราชการ ตาม ที่ ปรากฏใน เอกสาร หมาย จ. 8 และ จ. 14 ตามลำดับ เพื่อ ใช้ เป็น พยานหลักฐานสนับสนุน ให้ เจ้าพนักงาน ที่ดิน เชื่อ ว่า จำเลย ที่ 1 คือ นางสาว ปริยา ธีระกุล เป็น เจ้าของ ที่ดิน โฉนด ดังกล่าว แล้ว และ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว ได้ สูญหาย ไป เมื่อ พยาน จด ข้อความ ตาม ที่ รับ แจ้ง นั้น แล้ว ได้ อ่าน ให้จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 ฟัง แล้ว ให้ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 ลงลายมือชื่อไว้ ตามลำดับ ซึ่ง ข้อความ ที่ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 แจ้ง ให้ จด นั้นปรากฏ ใน เวลา ต่อมา ว่า เป็น ความเท็จ จำเลย ที่ 1 มิได้ ชื่อนางสาว ปริยา ธีระกุล และ มิได้ มี ชื่อ เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 143163 ตำบล วังทองหลาง ตลอดจน โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว มิได้ สูญหาย ไป ดัง ที่ จำเลย ที่ 1 แจ้ง เพื่อ ขอ ออก ใบแทน แต่อย่างใดจำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 นำสืบ เจือสม ว่า ได้ ไป ที่ สำนักงาน ที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขา บางกะปิ ให้ คำรับ รอง เกี่ยวกับ เรื่อง โฉนด ที่ดิน ของ ผู้ขอ ออก ใบแทน โฉนด ที่ดิน นั้น สูญหาย ไป เพียงแต่ จำเลย ที่ 2บ่ายเบี่ยง ว่า ผู้ที่ ตน ให้ คำรับ รอง นั้น คือ จำเลย ที่ 3 มิได้ รับรอง ว่าจำเลย ที่ 1 เป็น เจ้าของ ที่ดิน และ โฉนด ที่ดิน ได้ สูญหาย ไป แต่ ข้ออ้างของ จำเลย ที่ 2 ไม่มี น้ำหนัก เพราะ นาย ฉลาด เป็น เจ้าพนักงาน ผู้กระทำ การ ตาม หน้าที่ ไม่มี ส่วน รู้เห็น กับ จำเลย ที่ 1 จึง ไม่มี เหตุจำเป็น จะ ต้อง บิดผันข้อเท็จจริง เพื่อ ประโยชน์ ของ จำเลย ที่ 1 ให้ ผิด ไปจาก คำรับ รอง ของ จำเลย ที่ 2 ดัง ที่ จำเลย ที่ 2 อ้าง เมื่อ นาย ฉลาด จด บันทึก ถ้อยคำ ของ จำเลย ที่ 2 แล้ว ก็ ได้ อ่าน ให้ จำเลย ที่ 2 ฟัง เห็นได้ว่า เป็น การปฏิบัติหน้าที่ โดยสุจริต ซึ่ง จำเลย ที่ 2 ก็ เบิกความรับ ว่า นาย ฉลาด ได้ อ่าน ให้ จำเลย ที่ 2 ฟัง จริง เพียงแต่ บ่ายเบี่ยง ไป ว่า จำเลย ที่ 2 ได้ยิน บ้าง ไม่ได้ ยินบ้าง แล้ว จำเลย ที่ 2 ได้ ลงลายมือชื่อ ให้ ไป ดังนี้ จึง เชื่อ ว่า นาย ฉลาด เบิกความ ตาม ความจริง พยานหลักฐาน โจทก์ จึง มี น้ำหนัก รับฟัง ได้ โดย ปราศจาก สงสัย ว่าจำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 ได้ แจ้ง ให้ นาย ฉลาด จด ข้อความ ตาม ที่ ปรากฏ ใน เอกสาร หมาย จ. 8 และ จ. 14 ตามลำดับ นั้น ไว้ จริง แต่ แม้ ว่า ข้อความดังกล่าว จะ เป็น ความเท็จ หาก จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 ไม่รู้ ว่า เป็นความเท็จ เนื่องจาก หลงเชื่อ ตาม หลักฐาน การ แจ้งความ และ คำบอกเล่าของ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ตามลำดับ ก็ จะ ถือว่า จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5เจตนา แจ้ง ให้ เจ้าพนักงาน ผู้กระทำ การ ตาม หน้าที่ จด ข้อความ อันเป็นเท็จลง ใน เอกสารราชการ หาได้ไม่ โจทก์ ไม่มี พยาน ยืนยัน ว่า จำเลย ที่ 2และ ที่ 5 รู้ อยู่ ก่อน แล้ว ว่า จำเลย ที่ 1 มิได้ ชื่อ นางสาว ปริยา ธีระกุล และ มิได้ เป็น เจ้าของ ที่ดิน โฉนด ดังกล่าว ทั้ง โฉนด ที่ดิน มิได้ สูญหาย ไป และ ไม่ปรากฏ ว่า จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 รู้ อยู่ ว่า จำเลยที่ 1 มี ชื่อ ว่า นางสาว สุมาลี โรจนวงศ์ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว นางสาว ปริยา ธีระกุล เป็น เจ้าของ และ โฉนด ที่ดิน ดังกล่าว นางสาว ปริยา ฝากเก็บ ไว้ ที่ ธนาคาร มิได้ สูญหาย ไป แล้ว จำเลย ที่ 2และ ที่ 5 ยัง แจ้ง ข้อความเท็จ ดังกล่าว แล้ว ให้ นาย ฉลาด จด ลง ไว้ ใน เอกสาร หมาย จ. 8 และ จ. 14 ตามลำดับ ดังนั้น เมื่อ จำเลย ที่ 2 และที่ 5 นำสืบ ว่า ได้ ให้ คำรับ รอง ต่อ นาย ฉลาด ไป เพราะ หลงเชื่อ คำ ของ จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ตามลำดับ ซึ่ง จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5ให้การ ยืนยัน มา ตั้งแต่ ชั้นสอบสวน แล้ว ว่า จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4เป็น ผู้ มา ขอให้ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 ตามลำดับ ไป ให้ คำรับ รอง ใน เรื่องโฉนด ที่ดิน สูญหาย เพื่อ ขอ ออก ใบแทน โฉนด ที่ดิน ใหม่ และ จำเลย ที่ 2และ ที่ 5 ได้ สอบถาม จำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ตามลำดับ แล้ว จำเลย ที่ 3และ ที่ 4 ยืนยัน ว่า ได้ มี การ แจ้งความ เรื่อง โฉนด ที่ดิน สูญหาย ไว้ แล้วซึ่ง ข้อ นำสืบ ของ จำเลย ที่ 2 มี คำให้การ ใน ชั้นสอบสวน ของ จำเลย ที่ 3และ คำเบิกความ ของ จำเลย ที่ 6 สนับสนุน ส่วน ข้อ นำสืบ ของ จำเลย ที่ 5มี คำเบิกความ ของ นาง ธีนา บุญเพ็งรักษ์ บุตรสะใภ้ ของ จำเลย ที่ 5สนับสนุน ว่า จำเลย ที่ 4 เคย ไป หา จำเลย ที่ 5 ที่ บ้าน นอกจาก นี้ ก็ปรากฏว่า จำเลย ที่ 4 ได้ ไป ที่ สำนักงาน ที่ดิน กรุงเทพมหานคร สาขา บางกะปิ ใน วันเดียว กับ ที่ จำเลย ที่ 5 ไป ให้ ถ้อยคำ นั้น ดัง ที่ นาย ฉลาด พยานโจทก์ เบิกความ ยืนยัน ประกอบ กับ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5เป็น ข้าราชการ บำนาญ มี อายุ มาก แล้ว ไม่รู้ จัก กับ จำเลย ที่ 1มา ก่อน ไม่มี เหตุจูงใจ ที่ จะ ร่วมมือ กับ จำเลย ที่ 1 ใน การกระทำ ความผิดตาม แผนการณ์ ของ จำเลย ที่ 1 พยานหลักฐาน จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5จึง มี น้ำหนัก ฟังได้ ว่า จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 ให้ ถ้อยคำ ต่อ นาย ฉลาด ไป ตาม เอกสาร หมาย จ. 8 และ จ. 14 ตามลำดับ นั้น เพราะ จำเลย ที่ 2และ ที่ 5 เชื่อ ว่า เป็น ความจริง เนื่องจาก หลงเชื่อ คำบอกเล่า ของจำเลย ที่ 3 และ ที่ 4 ตามลำดับ ดังนั้น จึง ฟัง ไม่ได้ ว่า จำเลย ที่ 2และ ที่ 5 เจตนา แจ้ง ให้ เจ้าพนักงาน ผู้กระทำ การ ตาม หน้าที่ จด ข้อความ อันเป็นเท็จ ลง ใน เอกสารราชการ หมาย จ. 8 และ จ. 14 ตามลำดับการกระทำ ของ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 จึง ไม่เป็น ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง พิพากษา ว่าจำเลย ที่ 2 และ ที่ 5 กระทำ ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267มา นั้น จึง ไม่ต้อง ด้วย ความเห็น ศาลฎีกา ฎีกา ของ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5ฟังขึ้น ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ยก ฟ้องโจทก์ สำหรับ จำเลย ที่ 2 และ ที่ 5เสีย ด้วย นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์

Share