แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีวิวาทศาลจะลงโทษฐานทำร้ายร่างกายก็ต่อเมื่อได้ความชัดว่า จำเลยคนนั้นได้ลงมือทำร้ายคนไหนโดยฉะเพาะ ส่วนคนที่ร่วมมือในการวิวาทมีผิดเพียงฐานวิวาทเท่านั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายในเบื้องต้นกล่าวไว้ชัดว่า เป็นเรื่องวิวาท ซึ่งต่างสมัคร์ใจเข้าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน แล้วไขความต่อไปว่า จำเลยสมคบกับพวก (ระบุชื่อ) ทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บ บางคน ขอให้ลงโทษตาม ม.254 ดังนี้ เป็นข้อความที่ขัดกับความที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่า เป็นกรณีวิวาท แม้จำเลยรับสารภาพ ศาลก็ลงโทษตาม ม.254 ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๘๘ จำเลยและพวก กับนายเหรียญและพวกต่างสมัครใจวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน แล้วไขความต่อไปว่า จำเลยกับพวก(ระบุชื่อผู้ที่เป็นพวก) รวม ๕ คน สมคบกันใช้อาวุธทำร้ายร่างกายนายเหรียญกับพวก (ระบุชื่อ) รวม ๓ คน บาดเจ็บบางคน แล้วนายเหรียญกับพวกสมคบกันใช้อาวุธทำร้ายร่างกายจำเลยกับพวกบาดเจ็บบางคน ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๕๔
จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นปรับจำเลย ๕๐ บาทตาม ก.ม.อาญามาตรา ๓๓๕ ข้อ ๑๔ ลดฐานรับกึ่งหนึ่งคงปรับ ๒๕ บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ในเรื่องนี้ จริงอยู่ที่ใช้คำว่าสมคบกันทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายหนึ่ง แต่คำบรรยายในตอนต้นกล่าวไว้ชัดว่าเป็นเรื่องวิวาท ซึ่งต่างสมัครใจเข้าทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ในกรณีวิวาทศาลจะลงโทษฐานทำร้ายร่างกายก็ต่อเมื่อได้ความชัดว่า จำเลยคนนั้นได้ลงมือทำร้ายคนไหนโดยเฉพาะ ส่วนคนที่ร่วมมือในการวิวาทก็มีผิดเพียงฐานวิวาทเท่านั้น ในเรื่องนี้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยได้ลงมือทำร้ายร่างกายใคร เป็นแต่กล่าวว่าสมคบซึ่งขัดกับความที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นว่าเป็นกรณีวิวาท ศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว พิพากษายืน