แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ในการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 3 แต่ละครั้งนั้นจำเลยที่ 3 เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ดำเนินการขายทอดตลาดต้องแจ้งประกาศการขายให้จำเลยที่ 3 ทราบ เพื่อจำเลยที่ 3 จะได้มีโอกาสมาดูแลการขายรักษาผลประโยชน์ของตน ปรากฏว่ามีการประกาศขายทรัพย์ของจำเลยที่ 3 รวม 9 ครั้ง ทุกครั้งส่งประกาศให้จำเลยที่ 3 ที่บ้านเลขที่ 17/2 ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยที่ 3 หลังจากที่บ้านเลขที่ 17/2 ดังกล่าวถูกขายทอดตลาดไปแล้วจำเลยที่ 3 ย้ายที่อยู่ แม้จำเลยที่ 3 มีหน้าที่ต้องแจ้งการย้ายที่อยู่และที่อยู่ใหม่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 67 (3) หากฝ่าฝืนมีโทษทางอาญาก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวจะทำให้จำเลยที่ 3 ยังคงมีภูมิลำเนาตามเดิมตลอดไป ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ต้องเป็นไปตามหลักใน ป.พ.พ. ว่าด้วยภูมิลำเนา เมื่อการส่งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์กระทำเมื่อจำเลยที่ 3 ย้ายถิ่นที่อยู่ไปแล้ว และจำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นคนรับประกาศ และไม่ปรากฏว่าหลักจากการย้ายทะเบียนบ้านแล้วจำเลยที่ 3 ยึดถือบ้านเลขที่ 17/2 ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในเรื่องใด ดังนั้นขณะที่ปิดประกาศขายทอดตลาดทรัพย์เพื่อให้จำเลยที่ 3 ทราบ ณ บ้านเลขที่ 17/2 นั้น จำเลยที่ 3 ไม่มีภูมิลำเนา ณ บ้านดังกล่าวแล้ว จึงเป็นการปิดประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ ณ สถานที่ซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 79 ประกอบกับ พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 153 (เดิม)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 6 เด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 6 เป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดที่ดิน 4 โฉนด พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 นำออกขายทอดตลาด นายมานะชัย นิลเจียรสกุล และโจทก์เป็นผู้ซื้อได้ ตามลำดับ
จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ไม่ได้แจ้งวันขายทอดตลาดทรัพย์สินให้จำเลยที่ 3 ทราบ และขายทอดตลาดให้แก่โจทก์ในราคาที่ต่ำเกินสมควร ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แจ้งกำหนดวันเวลานัดขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวให้จำเลยที่ 3 ทราบโดยวิธีปิดประกาศ ณ ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 17/2 ถนนมิตรภาพ ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี การดำเนินการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า การดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2543 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ในการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 3 แต่ละครั้งนั้น จำเลยที่ 3 เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ดำเนินการขายทอดตลาดต้องแจ้งประกาศการขายให้จำเลยที่ 3 ทราบ เพื่อจำเลยที่ 3 จะได้มีโอกาสมาดูแลการขายรักษาผลประโยชน์ของตน แม้ตามคำแถลงคัดค้านและคำเบิกความของนางนิระนุช ตั้งก่อสกุล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการประกาศขายทรัพย์ของจำเลยที่ 3 รวมทั้งหมด 9 ครั้ง ทุกครั้งส่งประกาศให้จำเลยที่ 3 ที่บ้านเลขที่ 17/2 ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 3 ไม่เคยแจ้งย้ายที่อยู่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบก็ตาม แต่จำเลยที่ 3 ย้ายที่อยู่หลังจากบ้านเลขที่ 17/2 ดังกล่าวถูกขายทอดตลาดไปแล้ว นายโชคชัย นิลเจียรสกุล น้องชายนายมานะชัยผู้ประมูลซื้อทรัพย์ เบิกความเป็นพยานจำเลยที่ 3 ยืนยันข้อเท็จจริงว่าเป็นตัวแทนนายมานะชัยมาประมูลซื้อทรัพย์ และเมื่อนายมานะชัยรับโอนทรัพย์แล้วได้แจ้งให้จำเลยที่ 3 ย้ายออกไป ต่อมาจำเลยที่ 3 ได้ย้ายออกไปจากบ้าน ซึ่งเจือสมกับหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านและแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรเอกสารหมาย ค.7 และ ล.6 แม้เพื่อประโยชน์ในการควบคุมตัวลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 67 (3) จำเลยที่ 3 มีหน้าที่ต้องแจ้งการย้ายที่อยู่และที่อยู่ใหม่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ หากไม่ปฏิบัติมีโทษทางอาญาตามมาตรา 161 ก็ไม่ได้หมายความว่าการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าจะทำให้จำเลยที่ 3 ยังคงมีภูมิลำเนาอยู่ตามเดิมตลอดไป ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ต้องเป็นไปตามหลักในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยภูมิลำเนา เมื่อการส่งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์ตามรายงานการเดินหมายเอกสารหมาย ค.18 กระทำเมื่อจำเลยที่ 3 ย้ายถิ่นที่อยู่ไปแล้ว ต่างจากการส่งประกาศการขายทอดตลาดทรัพย์ในครั้งก่อน ๆ และจำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นคนรับประกาศ ทั้งตามรายงานการเดินหมายดังกล่าวระบุพบหญิงอายุประมาณ 32 ปี ซึ่งไม่ใช่นางลี้เกียง แซ่ซิ้ม มารดาจำเลยที่ 3 ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง เนื่องจากนางลี้เกียงเกิด พ.ศ.2458 ขณะนั้นมีอายุ 84 ปี ตามสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ค.7 และข้อเท็จจริงไม่ปรากฏหลังจากย้ายทะเบียนบ้านแล้วจำเลยที่ 3 ยึดถือบ้านเลขที่ 17/2 ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการในเรื่องใด ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าในวันที่ 27 ตุลาคม 2542 ที่ปิดประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ในจำเลยที่ 3 ทราบนั้น จำเลยที่ 3 ไม่มีภูมิลำเนา ณ บ้านเลขที่ 17/2 ที่ปิดประกาศนั้นแล้ว แม้จำเลยที่ 3 มิได้แจ้งที่อยู่ใหม่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังสามารถส่งประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ให้จำเลยที่ 3 ทราบโดยวิธีอื่นได้โดยการลงโฆษณาประกาศทางหนังสือพิมพ์ การปิดประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ ณ สถานที่ซึ่งมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 3 ดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 (เดิม) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยที่ 3 ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 9996, 15652, 15653 ตำบลผึ้งรวง อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ของจำเลยที่ 3 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2543 และให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขายทอดตลาดใหม่