แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ประกอบธุรกิจเงินทุนเพื่อการพาณิชย์ในรูปบริษัทมหาชน จำกัด โดยไม่ได้รับความเห็นชอบและไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเงินทุนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. 2522 ความผิดของจำเลยที่ 1เกิดขึ้นเนื่องจากจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว ฉะนั้นของกลางซึ่งเป็นสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาให้กู้ยืมเงินสมุดบัญชีและเอกสารต่าง ๆ ไม่ใช่ของที่ใช้ในการกระทำความผิดจึงริบไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกกับพวกได้ร่วมกันประกอบธุรกิจเงินทุนเพื่อการพาณิชย์โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจัดตั้งในรูปบริษัทมหาชน จำกัด และไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเงินทุนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และพนักงานเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไปตรวจค้นยึดสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาให้กู้ยืมเงิน สมุดบัญชี และเอกสารต่าง ๆ จำนวนมากที่สำนักงานของจำเลยเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๘, ๑๑, ๗๑, ๗๘, พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประคองธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. ๒๕๒๖ มาตรา ๖๙ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓ ริบเอกสารของกลาง
จำเลยทั้งหกให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๘, ๑๑, ๗๑, ๗๘ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ ปรับจำเลยที่ ๑ จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ให้จำคุกคนละ ๒ ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง ปรับจำเลยที่ ๑ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ คนละ ๑ ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎกมายอาญา มาตรา ๖๙ ของกลางริบ
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งหกฎีกา โดยมีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฏีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลฏีกาวินิจฉัยในเรื่องของกลางง่า ที่จำเลยที่ ๑ ฏีกาว่า ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งให้ริบเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า ความผิดคดีนี้เกิดขึ้นเนื่องมากจากจำเลยที่ ๑ ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจตามคำฟ้อง เพราะฉะนั้นของกลางซึ่งเป็นสัญญากู้ยืมเงินสัญญาให้กู้ยืมเงิน สมุดบัญชีและเอกสารต่าง ๆ ไม่ใช่ของที่ใช้ในการกระทำผิดจึงริบไม่ได้ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ในข้อนี้ฟังขึ้น และเห็นว่ากรณ๊มีเหตุสมควรให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ได้มีโอกาสกลับตัว ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษให้จำเลยดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยแต่เห็นสมควรปรับจำเลยอีกสถานหนึ่ง ฏีกาของจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๖ ในข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖ คนละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท อีกสถานหนึ่ง เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงปรับคนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙, ๓๐ ของกลางไม่ริบ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.