คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424-2426/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุ และให้ผู้อื่นยืมไปใช้ทอดกฐิน โดยจำเลยที่ 1 สั่งให้ ส.ซึ่งเป็นลูกจ้างมีหน้าที่ขับรถให้จำเลยที่ 1 เป็นประจำอยู่แล้วขับไป ระหว่างทางไปทอดกฐิน ส.ขับรถโดยประมาททำให้คนตาย ถือได้ว่า ส.ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง แม้ผู้ยืมจะให้เงินแก่ ส.ที่มาขับรถให้ หรือแม้รถของจำเลยที่ 1 จะเป็นรถประจำทางไม่ได้รับสัมปทานให้วิ่งในเส้นทางที่ไปทอดกฐิน และการให้ยืมไม่ใช่วัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 ผู้ให้ยืมก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ต้องร่วมรับผิดฐานละเมิดกับ ส.ด้วย โดยไม่คำนึงว่าในวันเกิดเหตุรถชนกันนั้นจะเป็นวันหยุดของ ส.หรือไม่

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน
โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องใจความว่า จำเลยที่ ๑ เป็นบริษัทจำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน กท.จ.๔๐๔๓ มีนายสมหวัง พุ่มพวง เป็นลูกจ้างและขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ร.ย.๐๔๕๕๗ มีนายเซ่งเป็นลูกจ้างและขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒
เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๑๓ เวลากลางวัน นายสมหวัง พุ่มพวง ได้ขับรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน กท.จ.๔๐๔๓ บรรทุกผู้โดยสารจากกรุงเทพฯ ไปตามถนนสุขุมวิท เพื่อไปทอดกฐินยังวัดกลางกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ขณะแล่นไปตามถนนระหว่างหลักกิโลเมตรที่ ๑๒๙-๑๓๐ ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา เป็นทางโค้ง นายสมหวัง พุ่มพวง ได้ขับรถดังกล่าวด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง กล่าวคือขับด้วยความเร็วสูง ซึ่งขณะนั้นนายเซ่งได้ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ร.ย.๐๔๕๕๗ จากจังหวัดระยองมาตามถนนสุขุมวิทโฉมหน้าเข้ากรุงเทพฯ ด้วยความเร็วสูงเมื่อถึงทางโค้งเช่นกัน จึงเป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวชนกันอย่างแรงและพังเสียหายยับเยินเป็นเหตุให้คนตาย การที่ผู้ตายตายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายซึ่งจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ต้องร่วมรับผิดชอบในผลแห่งละเมิดโจทก์แต่ละสำนวนได้ติดต่อให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแต่ละสำนวนร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์สำนวนแรกเป็นเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บาท โจทก์สำนวนที่สองเป็นเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท และโจทก์สำนวนที่สามเป็นเงิน ๒๐๖,๐๐๐ บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินแต่ละสำนวน นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ทั้งสามสำนวนให้การใจความว่า นายสมหวัง พุ่มพวงเคยเป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ แต่ในวันเกิดเหตุรถชนกันนั้น พนักงานธนาคารกรุงไทย จำกัด ได้ยืมรถจากจำเลยที่ ๑ ไปโดยจำเลยที่ ๑ไม่ได้รับเงินหรือค่าตอบแทนใด ๆ และยังได้ตกลงว่าจ้างนายสมหวัง พุ่มพวง เป็นคนขับรถโดยต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานธนาคารกรุงไทย จำกัด นายสมหวัง พุ่มพวง ได้ขับรถไปด้วยความระมัดระวังและความเร็วตามปกติ เมื่อรถแล่นไปถึงทางโค้งก็ได้ชะลอความเร็วลง เหตุที่รถชนกันขึ้นเป็นเพราะความผิดของรถยนต์บรรทุกที่แล่นสวนทางมาด้วยความเร็วสูงและด้วยความประมาท พุ่งเข้าชนรถคันนายสมหวัง พุ่มพวง ขับ จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดโจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไป และคดีโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยที่ ๒ ทั้งสามสำนวนให้การต่อสู้ว่า เหตุที่รถเกิดชนกันขึ้นเป็นเพราะความประมาทของนายสมหวัง พุ่มพวง
ก่อนวันนัดชี้สองสถาน จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทสินสวัสดิ์ประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินให้โจทก์สำนวนแรก ๓๕,๔๐๐ บาท โจทก์สำนวนที่สอง ๑๔๒,๐๐๐ บาท และโจทก์สำนวนที่สาม ๓๕,๗๐๐ บาท และให้จำเลยที่ ๑ เสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๒ และจำเลยร่วม ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความสำนวนละ ๑,๐๐๐ บาทแทนโจทก์ ค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะ
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ทั้ง ๓ สำนวนอุทธรณ์ โดยโจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ ๒ กับจำเลยร่วมรับผิดด้วย และขอให้เพิ่มค่าเสียหาย จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วคงฟังเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่เห็นว่าโจทก์สำนวนแรกและโจทก์ที่ ๒ กับโจทก์ที่ ๓ สำนวนที่สองควรได้รับค่าขาดไร้อุปการะเพิ่มขึ้นอีก พิพากษาแก้สำนวนแรกเป็นว่าให้จำเลยที่ ๑ ชำระค่าขาดไร้อุปการะให้โจทก์เป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท สำนวนที่สองให้จำเลยที่ ๑ ชำระให้โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๘๔,๐๐๐ บาท โจทก์ที่ ๓ เป็นเงิน ๙๖,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ ทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของนายสมหวังซึ่งเป็นคนขับรถของจำเลยที่ ๑ แต่ฝ่ายเดียว
วินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายว่า ขณะเกิดเหตุรถเป็นของจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ ให้พนักงานธนาคารกรุงไทย จำกัด ยืมไปทอดกฐินที่จังหวัดระยอง การที่นายสมหวังซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ขับรถไป เชื่อว่าเป็นคำสั่งของจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งเพราะจำเลยที่ ๑ เป็นนายจ้างและนายสมหวังมีหน้าที่ต้องขับรถให้จำเลยที่ ๑ เป็นประจำอยู่แล้ว การที่ผู้ยืมจะให้เงินแก่นายสมหวัง ก็เป็นเรื่องสินน้ำใจ ถือไม่ได้ว่าเป็นค่าจ้างแม้รถของจำเลยที่ ๑ จะเป็นรถเมล์ประจำทางไม่ได้รับสัมปทานให้วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ – ระยอง และการให้ยืมไม่ใช่วัตถุประสงค์ของจำเลยที่ ๑ ผู้ให้ยืมก็ตาม เมื่อนายสมหวังเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ มีหน้าที่ขับรถของจำเลยที่ ๑ ไปตามที่จำเลยที่ ๑ สั่ง แล้วนายสมหวังขับรถโดยประมาทชนรถของจำเลยที่ ๒ ทำให้คนตายตามที่โจทก์ฟ้อง ถือได้ว่านายสมหวังได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง อันจำเลยที่ ๑ จะต้องร่วมรับผิดฐานละเมิดกับนายสมหวังด้วย โดยไม่คำนึงว่าในวันเกิดเหตุรถชนกันจะเป็นวันหยุดของนายสมหวังหรือไม่
พิพากษายืน

Share