คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2422/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ผู้ร้องจะมิใช่บุคคลตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280บัญญัติไว้ โดยมิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องที่ถูกอายัดและมิใช่บุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบ หรือได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288,289 และ 290 อันเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดีก็ตาม แต่มิได้หมายความว่าบุคคลอื่นนอกจากนี้จะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีไม่ได้ เมื่อผู้ร้องเป็นผู้เข้าสู้ราคาคนหนึ่งในการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี และอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีสมยอมกับโจทก์และผู้คัดค้านโดยมีพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตและฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง เป็นเหตุให้ผู้ร้องต้องเสียหายโดยเสียโอกาสในการเสนอราคาให้สูงขึ้น ดังนี้ ผู้ร้องย่อมเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลแพ่งพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน 70,371,860.30 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปี จากต้นเงิน 51,000,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งห้าจะชำระให้โจทก์เสร็จ และจำเลยทั้งห้ายอมร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเท่าที่ศาลไม่สั่งคืนและค่าทนายความอีก 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 55,340 บาทแทนโจทก์จำเลยทั้งห้าจะชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หากจำเลยทั้งห้าผิดนัดยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาด หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ จำเลยทั้งห้ายอมให้โจทก์ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งห้าออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบ แต่จำเลยทั้งห้าไม่ชำระโจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยศาลแพ่งมีหนังสือถึงศาลชั้นต้นให้บังคับคดีแทนเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 คือที่ดินรวม 16 แปลง ตามประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีเอกสารหมาย ร.1 ออกขายทอดตลาดโดยบริษัทแมนสรร จำกัด ผู้คัดค้าน เป็นผู้ประมูลซื้อได้รวมราคา 93,000,000 บาท

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้เข้าร่วมประมูลซื้อทรัพย์ด้วย การขายทอดตลาดทรัพย์ครั้งนี้เป็นการขายครั้งแรก มีผู้เข้าร่วมประมูลหลายราย รวมทั้งโจทก์และผู้คัดค้าน เริ่มต้นประมูลที่ 49,000,000 บาท เสนอราคาเพิ่มขึ้นครั้งละ 500,000 บาท จนกระทั่งโจทก์เสนอราคาที่ 90,000,000 บาท ระหว่างนั้นโจทก์ตกลงกับผู้คัดค้านโดยโจทก์จะไม่ประมูลแข่งขัน หากผู้คัดค้านเสนอราคาที่ 93,000,000 บาท ทำให้โจทก์ไม่ต้องรับภาระเป็นผู้จ่ายเงิน ทั้งยังได้รับชำระหนี้เต็มจำนวน ผู้คัดค้านจึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีหยุดการขายไว้ก่อน ต่อมาประมาณ 20 นาที เริ่มประมูลขายทอดตลาดต่อ ผู้คัดค้านเสนอราคาที่ 93,000,000 บาท ตามที่ได้ตกลงไว้กับโจทก์และโจทก์ไม่เสนอราคาแข่งขัน เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขานราคาพร้อมกับนับ 1 ถึง 3 และเคาะไม้ขายให้แก่ผู้คัดค้านในเวลารวดเร็ว ความจริงแล้วที่ดินทั้ง 16 แปลง เนื้อที่รวม 531 ไร่ อยู่ติดถนน มีราคาไร่ละ 500,000 บาท ราคารวมทั้งสิ้น 260,000,000 บาทเศษ แต่กลับขายทอดตลาดได้เพียง 93,000,000 บาท เนื่องจากโจทก์และผู้คัดค้านสมคบกันดังกล่าว ทำให้กรมบังคับคดีต้องเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมการขาย และในส่วนของผู้ร้องได้ยกมือเพื่อเสนอราคาเพิ่มขึ้น เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบแล้วไม่ฟังราคาที่ผู้ร้องเสนอกลับขานคำสามพร้อมเคาะไม้ตกลงขายให้ผู้คัดค้านทันที ทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการขายทอดตลาดต้องเสียหายการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินครั้งนี้

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย ทั้งราคาที่ผู้คัดค้านประมูลได้เป็นราคาที่เหมาะสมกับสภาพที่ดินแล้ว ผู้คัดค้านมิได้คบคิดหรือสมยอมกับโจทก์ เพราะในการขายทอดตลาดมีผู้เข้าสู้ราคาหลายราย ทั้งก่อนเจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายให้แก่ผู้คัดค้านก็ได้ขานราคาหยุดรอและตรวจสอบว่ามีผู้ใดเสนอราคาสูงกว่า แต่ไม่มีผู้เข้าประมูลรายใดรวมทั้งผู้ร้องเสนอราคาให้สูงกว่าและผู้ร้องเป็นเพียงผู้เข้าสู้ราคา ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะคัดค้านการขายทอดตลาดว่าราคาต่ำ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ววินิจฉัยว่า ผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ที่ดินที่ขายทอดตลาด จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้แต่ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาด พิพากษา (ที่ถูกเป็นมีคำสั่ง) ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยว่า ผู้ร้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาด พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้ร้องฎีกาข้อแรกว่า ผู้ร้องมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นั้น เห็นว่า แม้ผู้ร้องจะมิใช่บุคคลตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 บัญญัติไว้ กล่าวคือ มิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือลูกหนี้แห่งสิทธิเรียกร้องที่ถูกอายัดและมิใช่บุคคลซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิอันได้จดทะเบียนไว้โดยชอบ หรือได้ยื่นคำร้องขอตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 288, 289 และ 290 อันเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกบังคับคดีก็ตามแต่มิได้หมายความว่าบุคคลอื่นนอกจากนี้จะเป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีไม่ได้ เมื่อผู้ร้องเป็นผู้เข้าสู้ราคาคนหนึ่งในการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี และอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีสมยอมกับโจทก์และผู้คัดค้าน รีบขานราคานับ 1 ถึง 3 และเคาะไม้ขายให้แก่ผู้คัดค้าน ในพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตและฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นเหตุให้ผู้ร้องต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้นเพราะเสียโอกาสในการเสนอราคาให้สูงขึ้นดังนี้ผู้ร้องย่อมเป็นบุคคลภายนอกที่มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องคัดค้านการขายทอดตลาดจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาข้อนี้ของผู้ร้องฟังขึ้น

ที่ผู้ร้องฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า การขายทอดตลาดเป็นไปในลักษณะสมคบกัน รู้กันระหว่างโจทก์ ผู้คัดค้าน และเจ้าพนักงานบังคับคดี เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตนั้น ปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องในข้อนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มิได้วินิจฉัย ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยก่อน และเห็นว่าพยานหลักฐานของผู้ร้องในเรื่องนี้คงมีเพียงคำเบิกความของนายชาติชาย สง่างามทนายความของผู้ร้องเพียงปากเดียว โดยนายชาติชายเบิกความถึงข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันกับที่ปรากฏในคำร้อง แต่นายชาติชายมิได้รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่มีการขายทอดตลาด โดยทราบเรื่องมาจากผู้ร้องเท่านั้น ตัวผู้ร้องเองก็มิได้มาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้าง คำเบิกความของนายชาติชายซึ่งเป็นพยานบอกเล่าเพียงปากเดียวเช่นนี้จึงไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการสมยอมหรือรู้กันระหว่างโจทก์ ผู้คัดค้าน และเจ้าพนักงานบังคับคดีในการขายทอดตลาดรายนี้ ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดตามคำร้องของผู้ร้อง ฎีกาข้อนี้ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ประกาศกำหนดราคาเริ่มต้นและประกาศกำหนดจำนวนเงินเริ่มต้นที่ผู้เข้าสู้ราคาอาจเสนอเพิ่มให้สูงกว่าราคาที่ผู้เสนอราคาก่อนตนได้ เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกรมบังคับคดีที่ 242/2530 ข้อ 1 และข้อ 4 นั้น ฎีกาของผู้ร้องในส่วนนี้เป็นเรื่องที่ผู้ร้องมิได้กล่าวอ้างไว้ในคำร้องจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสียนั้น ศาลฎีกาคงเห็นพ้องด้วยในผล”

พิพากษายืน

Share