แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นคนร้ายขณะเกิดเหตุ คงมีแต่พยานแวดล้อมเห็นจำเลยกับพวกชวนผู้ตายไปที่บ้าน อ. ก่อนเวลาเกิดเหตุเพื่อชวน ม. ภรรยาผู้ตายกลับบ้าน เมื่อ ม.ไม่ยอมกลับผู้ตายก็เดินกลับบ้านคนเดียว ทั้งโจทก์มีพนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันว่าวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุ อ. พาจำเลยกับพวกเข้ามอบตัวให้การรับสารภาพ และจำเลยได้นำพนักงานสอบสวนไปยึดเหล็กบ่วงที่ใช้ตีผู้ตายเป็นของกลาง พยานโจทก์จึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 15 ปี ลดโทษหนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปีข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า ผู้ตายถูกคนร้ายตีที่บริเวณศีรษะถึงแก่ความตายในปัญหาที่ว่าจำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นคนร้ายขณะกระทำผิดแต่ก่อนเกิดเหตุมีเด็กชายสมทรง นวลอนงค์เบิกความว่า วันเกิดเหตุนายเอิบ อมแก้ว จำเลยและพวกอีกคนหนึ่งชวนผู้ตายไปที่บ้านนายเอิบ ผู้ตายตกลงไปและได้พาพยานไปด้วยนางมาลัย ประสมศรี เบิกความว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 1 ทุ่มนายเอิบพาผู้ตายและเด็กชายสมทรงไปที่บ้านนายเอิบเพื่อชวนพยานกลับบ้าน ขณะนั้นนายปราโมทย์อยู่ที่บ้านนายเอิบต่อมานายปราโมทย์ได้พาเด็กชายสมทรงกลับบ้านก่อน ผู้ตายได้ชวนพยานกลับไปอยู่ด้วยกัน พยานไม่ยอมนายเอิบก็พูดจาสั่งสอนผู้ตายให้เลิกเมาสุรา แล้วผู้ตายก็เดินกลับบ้านคนเดียวนอกจากนี้โจทก์มีพันตำรวจตรีจำเริญ พราหมหันต์ พนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันว่า ในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุนายเอิบพาจำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งมามอบตัวต่อพยาน พยานได้แจ้งข้อหาแก่จำเลยกับพวกว่าร่วมกันฆ่าผู้ตาย จำเลยให้การรับสารภาพ แล้วจำเลยพาพยานไปยึดเหล็กบ่วงที่ใช้ตีผู้ตายเป็นของกลาง พยานโจทก์จึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย
พิพากษายืน