คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และทายาทอีกคนหนึ่ง จำเลยคิดแย่งกรรมสิทธิ โจทก์จึงขอให้ขับไล่จำเลยและขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิในที่พิพาทดังนี้ แม้ทายาทนั้นจะไม่ได้มาร่วมเป็นโจทก์ด้วย โจทก์ก็ยังเป็นผู้รับมรดกและเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาท จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ฝ่ายจำเลยไม่มีอำนาจอะไรเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นาพิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และนายนิ่ม บัดนี้จำเลยคิดจะเอาเป็นกรรมสิทธิ โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์และขับไล่จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์และนายนิ่ม ให้ขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น ส่วนข้อที่จำเลยว่าศาลชั้นต้นพิพากษาว่านารายพิพาทตกได้แก่โจทก์และนายนิ่ม ไม่ชอบ เพราะนายนิ่มไม่ได้เป็นโจทก์ด้วยนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นพิพากษาได้ตามนัยแห่ง ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๔๒(๒)
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จะมีอำนาจขอให้แสดงกรรมสิทธิแทนนายนิ่มหรือไม่ ไม่สำคัญที่จะวินิจฉัยในคดีนี้ เพราะจะอย่างไรก็ตาม โจทก์ก็ยังเป็นผู้รับมรดกและเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาทรายนี้ และมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ฝ่ายจำเลยไม่มีอำนาจอะไรเลย
จึงพิพากษายืน

Share