แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ผู้สั่งจ่ายเขียนลงด้าน หน้าว่า”เปลี่ยนมือไม่ได้” จะโอนให้กันได้แต่โดย รูปการและด้วย ผลอย่างการโอนสามัญ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 985,917,306 การโอนระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนจึงต้อง ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอน มิฉะนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เมื่อปรากฏเพียงว่าผู้โอนโอนตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่เจ้าหนี้ด้วย วิธีสลักหลังและส่งมอบเท่านั้น การโอนตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ตาม กฎหมาย เจ้าหนี้จึงยังไม่เป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงิน แม้หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้แล้วผู้โอนจะได้ ทำคำบอกกล่าวให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบถึง การสลักหลัง และส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้เจ้าหนี้ก็ตาม ก็หาทำให้เจ้าหนี้กลับเป็นผู้ทรงโดย ชอบไม่ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ และไม่อาจนำหนี้ตามตั๋ว สัญญาใช้เงินนี้ไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่เจ้าหนี้เป็นหนี้ลูกหนี้.
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ไว้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2528 นายไชยยงค์ นุกรณ์นวรัตน์เจ้าหนี้ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยอ้างว่าลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 เป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินและดอกเบี้ย และเมื่อหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่เจ้าหนี้เป็นหนี้ลูกหนี้(จำเลย) ที่ 1 แล้ว เป็นเงินที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้จำนวน102,257.34 บาท ปรากฏรายละเอียดตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดบรรดาเจ้าหนี้และลูกหนี้ตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 104 แล้วไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่า การโอนตั๋วสัญญาใช้เงินระหว่างเจ้าหนี้ผู้รับโอนกับผู้รับเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินผู้โอนได้กระทำโดยวิธีสลักหลังโอนตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่กันแต่มิได้ทำเป็นหนังสือ การโอนตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เจ้าหนี้จึงยังมิได้สิทธิเรียกร้องตามตั๋วเงินจากลูกหนี้(จำเลย) ที่ 1 เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ตามมาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 และไม่มีสิทธิที่จะนำหนี้มาหักกลบลบหนี้กันได้ เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 107 (1)
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้แต่งทนายความแก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งห้าฉบับเป็นตั๋วเงินที่ผู้สั่งจ่ายเขียนลงด้านหน้าว่า “เปลี่ยนมือไม่ได้” การโอนตั๋วเงินชนิดนี้จะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัย ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 985, 917, 306การโอนระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนจึงต้อบทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอน มิฉะนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เมื่อปรากฏเพียงว่าผู้โอนทั้งสี่คนโอนตั๋วสัญญาใช้เงินให้เจ้าหนี้ด้วยวิธีสลักหลังและส่งมอบเท่านั้นการโอนตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งห้าฉบับดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายเจ้าหนี้จึงยังไม่เป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินแม้หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 แล้ว ผู้โอนจะได้ทำคำบอกกล่าวให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบถึงการสลักหลัง และส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้เจ้าหนี้ก็ตาม ก็หาทำให้เจ้าหนี้กลับเป็นผู้ทรงโดยชอบไม่ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ได้ และไม่อาจนำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่เจ้าหนี้เป็นหนี้ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1
พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้แต่งทนายความแก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.