คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2416/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์จะต้องชำระเงินให้แก่จำเลยตามคำพิพากษา เรียกไม่ได้ว่าจำเลยได้มาซึ่งทรัพย์โดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย จึงไม่ใช่ลาภมิควรได้โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้จำเลยงดการบังคับคดีซึ่งจำเลยมีสิทธิบังคับคดีได้ในคดีก่อนนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ในคดีก่อนจำเลยฟ้องเรียกเงินจากโจทก์ คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินจำนวนหนึ่งพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลยขณะนี้จำเลยกำลังบังคับคดีเอากับทรัพย์สินของโจทก์ เนื่องจากในคดีก่อนนั้นโจทก์และจำเลยต่างอ้างหนังสือสัญญาคนละฉบับเป็นพยาน มีข้อความตรงกันว่าจำเลยได้จ่ายเงิน ๓๕๐,๐๐๐ บาท ไถ่จำนองที่ดินแปลงหนึ่งจากบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตให้โจทก์ และโจทก์ยอมใช้เงินนั้นให้แก่จำเลยโดยจะชำระให้ต่อเมื่อโจทก์นำที่ดินดังกล่าวไปจำนองหรือขาย ถ้าจำนองหรือขายยังไม่ได้ จำเลยจะเรียกเอาเงินจำนวนนี้ยังไม่ได้แต่ศาลฎีกากลับพิพากษาให้โจทก์ใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่จำเลย เป็นการคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงและหลักฐานในสำนวน จึงเป็นลาภมิควรได้ จำเลยไม่มีอำนาจที่จะบังคับคดีเอากับทรัพย์สินของโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า คดีเรื่องก่อนและคดีนี้เป็นเรื่องเดียวกันโจทก์จะนำคดีมาฟ้องอีกไม่ได้เป็นฟ้องซ้ำ หากจะถือเป็นเรื่องนิติกรรมที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนนิติกรรมนั้นก็เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๒ จำนวนเงินที่โจทก์จะต้องชำระให้แก่จำเลยในคดีก่อน เป็นหนี้ตามคำพิพากษา มิใช่ลาภมิควรได้การฟ้องคดีนี้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง จำเลยต้องเสียค่าจ้างทนายความ ๑๐๐,๐๐๐ บาท จึงฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงิน๑๐๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้ง และสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ได้ความว่าในคดีแพ่งเรื่องก่อนศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน ๓๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนคดีถึงที่สุด จำเลยจึงกลับมาฟ้องโจทก์เป็นจำเลยคดีนี้ โดยอ้างว่า คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง และหลักฐานในสำนวน ดังนั้น จำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนจึงเป็นลาภมิควรได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องลาภมิควรได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๐๖ นั้น จะต้องเป็นเรื่องที่บุคคลได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใด เพราะการที่บุคคลอีกคนหนึ่งกระทำเพื่อชำระหนี้ หรือได้มาด้วยประการอื่นโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย การที่โจทก์จะต้องชำระเงินให้แก่จำเลยตามคำพิพากษาของศาลนั้น เรียกไม่ได้ว่าจำเลยได้มาซึ่งทรัพย์โดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยระงับการบังคับคดี หรืองดการเรียกเงินจากโจทก์ในคดีก่อน
พิพากษายืน

Share