คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2413/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเอาของลับใส่เข้าไปในของลับผู้เสียหายอายุ 13 ปี 11 วัน ดันโดยแรง ผู้เสียหายรู้สึกว่าของลับของจำเลยเข้าไปลึกขนาดช่วงนิ้วมือนั้น ดังนี้ ของลับจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในของลับผู้เสียหายแล้ว จึงเป็นความผิดสำเร็จ หาจำเป็นจะต้องมีรอยฉีกขาดที่ช่องคลอดปากมดลูก หรือที่เยื่อพรหมจารีด้วยไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คนได้บังอาจร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงไหลหรือสังวาลย์ ทำดี อายุ 13 ปี 11 วัน ซึ่งมิใช่ภรรยาจำเลยอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง โดยจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนขู่เข็ญจ่อที่หน้าอกเด็กหญิงไหลหรือสังวาลย์ ทำดีและจับกดให้นอนลงไม่ให้ขัดขืน จนเด็กนั้นเกิดความกลัวอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนจำเลยได้แล้วจำเลยกับพวกได้ผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงนั้นสำเร็จความใคร่คนละครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 83 ฯลฯ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 83 ฯลฯ จำคุก 12 ปี จำเลยรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยต้องระวางโทษสองในสามของความผิดสำเร็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 จำคุก 8 ปี จำเลยรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุก5 ปี 4 เดือน ฯลฯ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว มีปัญหาที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จ หรือเพียงขั้นพยายามกระทำความผิด ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยเอาของลับใส่เข้าไปในของลับผู้เสียหายดันโดยแรง รู้สึกว่าของลับของจำเลยเข้าไปได้ยาวขนาดช่วงนิ้วมือ ผู้เสียหายรู้สึกเจ็บ การที่ผู้เสียหายรู้สึกเจ็บก็เพราะของลับจำเลยเข้าไปในช่องคลองซึ่งประมาณได้ว่าเข้าไปลึกขนาดช่วงนิ้วมือนั้นย่อมเพียงพอที่จะฟังว่า ของลับจำเลยได้ล่วงล้ำเข้าไปในของลับผู้เสียหายแล้ว เป็นความผิดสำเร็จ หาจำเป็นจะต้องมีรอยฉีกขาดที่ช่องคลอดปากมดลูก หรือที่เยื่อพรหมจารีด้วยไม่

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share