คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่ผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 13 ปีเศษ ยินยอมไปกับจำเลยเพราะจำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าจะพาผู้เสียหายไปซื้อผ้า แล้วพาผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรานั้น ถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายเต็มใจไปด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318 อีกกระทงหนึ่ง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 278, 284 ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา 284 อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 2 ปี รวมโทษจำคุก 4 ปี โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “สำหรับฎีกาของโจทก์ที่ว่าผู้เสียหายไปกับจำเลยเพราะแผนการลวงหลอกล่อของจำเลยให้ผู้เสียหายตายใจฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลย ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 318 แต่ถ้าฟังว่าผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยก็ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 นั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า การที่ผู้เสียหายยินยอมไปกับจำเลย ก็โดยจำเลยใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายมาตั้งแต่ต้นแล้วจำเลยได้พาผู้เสียหายไปกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้เสียหายยินยอมไปกับจำเลยเพราะอุบายหลอกลวงของจำเลยนั้น ถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายเต็มใจไปด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตามมาตรา 318 อีกกระทงหนึ่ง ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2521 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรี โจทก์ นายปรีชาหรือปุ้น สุวรรณธรรม จำเลย และคำพิพากษาฎีกาที่ 1563/2523 ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ นายสุรีย์ เศวะตามร จำเลย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 อีกกระทงหนึ่ง ให้จำคุก 1 ปี รวมโทษจำคุกจำเลย 5 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share