คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีหนังสือให้โจทก์นำเงินภาษีอากรค้างและเงินเพิ่มใหม่ซึ่งโจทก์อ้างว่าขาดอายุความแล้วไปชำระ หากไม่ชำระจะดำเนินการกับโจทก์ตามกฎหมายโดยเคร่งครัดโจทก์ปฏิเสธการชำระหนี้ จำเลยยืนยันจะใช้สิทธิของจำเลยตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่สั่งยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์โดยมิต้องให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง อันจะทำให้โจทก์เสียหาย เป็นการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ระหว่างโจทก์กับจำเลยในเรื่องหนี้ค่าภาษีอากรค้างและเงินเพิ่ม โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการในตำแหน่งสมุห์บัญชีทำการแทนหัวหน้าเขตพญาไท มีหน้าที่เกี่ยวกับการภาษีอากร เจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้มีหนังสือแจ้งว่าโจทก์เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับ พ.ศ. ๒๕๐๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๐๖ ไว้ไม่ถูกต้อง ต้องเสียเงินภาษีเงินได้และเงินเพิ่มรวม ๒,๔๐๙,๙๓๙.๔๕ บาท ซึ่งครบกำหนดชำระวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๐๘ โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการดังกล่าวยกอุทธรณ์ โจทก์ฟ้องกรมสรรพากร-กับพวกต่อศาลแพ่ง ขอให้ยกเลิกเพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ศาลแพ่งพิพากษาว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว แต่ไม่ได้ให้โจทก์ชำระเงินค่าภาษีอากรนั้น ต่อมาจำเลยจงใจกระทำละเมิดโต้แย้งสิทธิหน้าที่ของโจทก์โดยมีหนังสือด่วนมากให้โจทก์ชำระหนี้ค่าภาษีอากรค้างและเงินเพิ่มใหม่ ซึ่งขาดอายุความแล้วและต้องห้ามมิให้เรียกร้อง จำนวน ๒,๙๓๙,๑๒๗.๓๔ บาท ต่อสำนักงานสรรพากรเขตพญาไท หากไม่ชำระจะดำเนินการกับโจทก์ตามกฎหมายโดยเคร่งครัด โจทก์ปฏิเสธการชำระหนี้ แต่จำเลยไม่ยอมรับฟัง และยืนยันการใช้สิทธิตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๒ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ขอให้พิพากษาว่าหนี้ค่าภาษีอากรค้างและเงินเพิ่มจำนวน ๒,๙๓๙,๑๒๗.๓๔ บาท ขาดอายุความห้ามจำเลยและเจ้าหน้าที่ใช้สิทธิยึดทรัพย์โจทก์ชำระหนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีตามฟ้องเป็นเรื่องเจ้าพนักงานเรียกร้องให้ชำระภาษีอากรตามหน้าที่ ยังมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี่โจทก์บรรยายฟ้องมีความสำคัญว่า จำเลยมีหนังสือให้ดจทก์นำเงินภาษีอากรค้างและเงินเพิ่มใหม่ซึ่งโจทก์อ้างว่าขาดอายุความแล้วไปชำระ หากไม่ชำระจำเลยต้องดำเนินการกับโจทก์ตามกฎหมายโดยเคร่งครัดโจทก์ปฎิเสธการชำระหนี้ จำเลยยืนยันจะใช้สิทธิของจำเลยตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๑๒ ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่สั่งยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของโจทก์โดยมิต้องให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่งอันจะทำให้โจทก์เสียหาย เห็นได้ว่าข้อความตามฟ้องดังกล่าวเป็นการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ระหว่างโจทก์กับจำเลยในเรื่องหนี้ค่าภาษีอากรค้างและเงินเพิ่ม โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๕๔ โดยนัย– คำพิพากษาฎีกา ที่ ๑๐๘๕/๒๕๐๕
พิพากษายืน.

Share