แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ลงในเช็ค
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถึงวันกระทำผิดไม่ตรงกับหลักฐานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินที่โจทก์นำสืบ ย่อมทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมนำเช็คสองฉบับไปขึ้นเงินในวันที่ 15 และ 27 มีนาคม 2519 ตามวันที่ลงในเช็ค และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าเงินในบัญชีของจำเลยไม่พอจ่ายตามเช็ค แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่าโจทก์ร่วมนำเช็คทั้งสองฉบับไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2519 ซึ่งแตกต่างกันอันเป็นการแตกต่างในข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญ คดีต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2, 215, 2254
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๑๙ เวลากลางวัน จำเลยออกเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาเมืองพล จำนวน ๒ ฉบับ คือเช็คหมายเลขที่ ยู-๑๔ ๓๙๕๗๐๗ สั่งจ่ายวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๑๙ จำนวนเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท กับเช็คเลขที่ ยู-๑๔ ๓๙๕๗๑๔ สั่งจ่ายวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๑๙ จำนวนเงิน ๒๓,๔๐๐ บาท เพื่อชำระค่าซื้อโค กระบือของนายอ้วนอันเป็นการชำระหนี้ตามกฎหมาย ต่อมาวันที่ ๒๕ และ ๒๗ มีนาคม ๒๕๑๙ เวลากลางวันนายอ้วนได้นำเช็คดังกล่าวไปเบิกเงินที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาเมืองพล แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าเงินในบัญชีฝากของจำเลยไม่พอจ่ายตามเช็ค ทั้งนี้ โดยระหว่างวันที่ ๑ ถึงวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๑๙ เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกัน จำเลยออกเช็คดังกล่าวข้างต้นโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะถึงให้ใช้เงินได้ และออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น เหตุเกิดที่ตำบลเมืองพล อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ขณะจำเลยออกเช็คผู้เสียหายรู้อยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเงินอยู่ในธนาคารเลย จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระหนี้ค่าโคและกระบือ พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าโจทก์ร่วมนำเช็คทั้งสองฉบับไปขึ้นเงินในวันที่ ๑๕ และ ๒๗ มีนาคม ๒๕๑๙ ตามวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าเงินในบัญชีของจำเลยไม่พอจ่ายตามเช็ค แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่าโจทก์ร่วมนำเช็คทั้งสองฉบับไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๙ ตามใบคืนเช็คหมาย จ.๒ และ จ.๔ ซึ่งแตกต่างกัน อันเป็นการแตกต่างในข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญ เพราะความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ลงในเช็ค การที่โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถึงวันกระทำผิดไม่ตรงกับหลักฐานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินที่โจทก์นำสืบย่มทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ได้ คดีจึงต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรค ๒, ๒๑๕ และ ๒๒๕
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.