แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมจะขอเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการที่มีอยู่เดิมโดยขอเพิ่มเติมบทลงโทษให้หนักขึ้นหาได้ไม่
โจทก์ร่วมจะฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต ให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้น ศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงนาย ถ. กระสุนปืนถูกบริเวณร่างกายในที่สำคัญเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยจำเลยมีเจตนาฆ่า ขณะเดียวกันกระสุนปืนนัดหนึ่งพลาดไปถูกนาง ฮ. ได้รับบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 288, 80 ปืนของกลางให้คืนแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ แต่จำเลยกระทำไปเพราะบันดาลโทสะที่ถูกผู้ตายด่าว่าประจานอย่างรุนแรง
นาง ย. มารดาผู้ตายและนาง ฮ. ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ แล้วโจทก์ร่วมได้ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการว่าการกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยขอเพิ่มบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 288, 80 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม มาตรา 288 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามมาตรา 90 จำเลยอายุ 19 ปี ลดมาตราส่วนโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำคุกจำเลย 10 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี ปืนของกลางคืนแก่เจ้าของ
โจทก์ร่วมอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องและอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้อง และอุทธรณ์ว่าไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษจำเลยด้วย
จำเลยอุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะและขอลดหย่อนผ่อนโทษ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ร่วมไม่มีสิทธิที่จะขอเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ไม่เป็นบันดาลโทสะ ไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ทั้งโจทก์ร่วมอุทธรณ์เพิ่มเติมฟ้อง โดยขอเพิ่มบทมาตราลงโทษจำเลยตามมาตรา 289 ซึ่งมีโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต ถือได้ว่าโจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นพิพากษาแก้เป็นว่า ให้วางโทษจำคุก 20 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้ 10 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมฎีกาในข้อขอเพิ่มเติมฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ร่วมเข้ามาใช้สิทธิเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีกับจำเลยในคดีนี้ ก็โดยอาศัยสิทธิตามคำฟ้องของพนักงานอัยการที่มีอยู่เดิมจึงหามีอำนาจจะใช้สิทธินอกเหนือไปจากสิทธิของพนักงานอัยการที่ฟ้องอยู่เดิมไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการนั้นชอบแล้ว
ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีกนั้น เห็นว่า ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ร่วมอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยเพียงว่าไม่สมควรลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยเท่านั้น และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลย เป็นการสมประโยชน์ของโจทก์ร่วมแล้ว ฉะนั้น โจทก์ร่วมจะกลับมาฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
คดีนี้ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น ซึ่งอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมดังกล่าวมีความหมายเพียงว่า ถ้าศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องได้ก็ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ตามที่อนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องเท่านั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้วเช่นนี้ ก็เท่ากับไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้องโดยขอเพิ่มบทมาตราลงโทษจำเลยตามมาตรา 289 ถือได้ว่าโจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ตาม แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้วางโทษจำคุกจำเลย 15 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 7 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์