คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2410/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองด้วย เมื่อเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ศาลก็ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 73 ได้บัญญัติถึงบัตรเลือกตั้งที่ถือว่าเป็นบัตรเสียไว้ถึง 6 ประเภท หรือชนิด เมื่อผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านคลุม ๆ มาว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนของหน่วยเลือกตั้งหลายหน่วยของอำเภอชุมพวงได้จงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ได้อ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริง โดยอ่านบัตรดีของผู้ร้องให้เป็นบัตรเสีย อ่านบัตรเสียของผู้อื่นเป็นบัตรดี มิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการตรวจคะแนนอ่านบัตรดีให้เป็นบัตรเสียชนิดไหน และอ่านบัตรเสียชนิดไหนให้เป็นบัตรดี จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนทำรายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ากรรมการคนใดกระทำการอย่างไรและไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างไร เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง
คำร้องอ้างเหตุว่า คณะกรรมการอ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความจริงโดยมิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่ากรรมการผู้ใด ที่หน่วยเลือกตั้งใด และการอ่านเช่นนั้นเป็นเหตุให้คะแนนของผู้ร้องน้อยกว่าความจริงประมาณเท่าใด หากน้อยกว่าความจริงเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ คำร้องข้อนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 4 จังหวัดนครราชสีมาเป็นโมฆะ และให้มีการเลือกตั้งใหม่

ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม การเลือกตั้งได้กระทำไปโดยถูกต้องตามกฎหมายทุกประการแล้ว หากมีการนับคะแนนผิดพลาดก็ไม่มากจนถึงกับทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงไป ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นสั่งงดการไต่สวน และทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่าคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม สมควรที่จะยกเสีย ค่าฤชาธรรมเนียมควรให้เป็นพับ

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า เห็นว่า การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วยและตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองบัญญัติว่า ‘คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น’ มาตรา 1(3) ได้บัญญัติคำว่า ‘คำฟ้อง’ ให้หมายถึงกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่โจทก์ได้เสนอข้อหาต่อศาล ฯลฯ ไม่ว่าจะได้เสนอในขณะที่เริ่มคดีโดยคำฟ้องหรือคำร้องขอ ฯลฯ ฉะนั้นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองนี้ด้วย

คดีจึงมีปัญหาที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมตามความเห็นของศาลชั้นต้นหรือไม่

พิเคราะห์คำร้องของผู้ร้องแล้ว ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านในประการแรกว่า คณะกรรมการการตรวจคะแนนของหน่วยเลือกตั้งจำนวนหลายหน่วยของอำเภอชุมพวง ได้จงใจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ได้อ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความเป็นจริง โดยอ่านบัตรดีของผู้ร้องให้เป็นบัตรเสีย อ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลขอื่นให้เป็นบัตรดีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องในข้อนี้มิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่า กรรมการตรวจคะแนนอ่านบัตรดีให้เป็นบัตรเสียชนิดไหนและอ่านบัตรเสียชนิดไหนให้เป็นบัตรดี อันบัตรเลือกตั้งที่ถือว่าเป็นบัตรเสียนั้นตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 73 ได้บัญญัติไว้ถึง 6 ประเภทด้วยกัน คือบัตรปลอม บัตรที่ทำเครื่องหมายเลือกตั้งเกินหนึ่งเครื่องหมาย บัตรที่มิได้ทำเครื่องหมายเลขบัตรที่ปรากฏว่าได้พับซ้อนกันมากกว่าหนึ่งบัตร บัตรที่มีเครื่องสังเกตหรือข้อความอื่นใดนอกจากที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงและบัตรที่ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคการเมืองใด เมื่อผู้ร้องกล่าวคลุม ๆ มาเช่นนั้นจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง

ที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านในประการต่อไปว่าคณะกรรมการตรวจคะแนนทำรายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความเป็นจริงนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คำร้องของผู้ร้องในข้อนี้ก็มิได้แสดงโดยแจ้งชัดว่า กรรมการคนใดที่หน่วยเลือกตั้งใดทำรายงานไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดว่ามีการกระทำอย่างไรที่เป็นรายงานการเลือกตั้งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ตรงกับความเป็นจริงอย่างไร คำร้องของผู้ร้องในข้อนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองเช่นเดียวกัน

และที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านในประการสุดท้ายว่าการกระทำของคณะกรรมการที่ได้กระทำไปคือ เช่นบัตรเลือกตั้งที่ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกาเครื่องหมายเลข 10 ของผู้ร้องและหมายเลข 1 หรือหมายเลขอื่น คณะกรรมการผู้อ่านบัตรเลือกตั้งก็อ่านเป็นเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 หรืออ่านบัตรเลือกตั้งเฉพาะเบอร์ 1 เบอร์เดียว หรืออ่านเฉพาะเบอร์อื่นเบอร์เดียวโดยไม่อ่านเบอร์ 10 ของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องในข้อนี้เป็นแต่กล่าวยกตัวอย่างขึ้นมาลอย ๆ และขัดกับคำร้องในตอนต้นที่ว่า คณะกรรมการอ่านบัตรดีของผู้ร้องให้เป็นบัตรเสีย อ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลขอื่นให้เป็นบัตรดี ทั้งไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่ากรรมการผู้ใดและที่หน่วยเลือกตั้งใดได้กระทำเช่นนั้น และการที่กรรมการไม่อ่านบัตรที่กาหมายเลข 10 ของผู้ร้องนั้น มีจำนวนประมาณเท่าใด และการไม่อ่านเช่นนั้นเป็นเหตุให้คะแนนของผู้ร้องน้อยกว่าความเป็นจริงประมาณเท่าใด หากน้อยกว่าความเป็นจริงเพียงเล็กน้อยก็ไม่เป็นเหตุที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่ คำร้องของผู้ร้องในข้อนี้ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองเช่นเดียวกัน

เมื่อคำร้องของผู้ร้องที่คัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2526 เป็นคำร้องที่มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของผู้ร้องตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง เช่นนี้แล้วจึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้ให้ยกคำร้องของผู้ร้องเสีย ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

Share