คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 5 มีกำหนด 6 เดือน ปรับจำเลยที่ 6 เป็นเงิน 500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ 6 เป็นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน เช่นนี้ จำเลยที่ 5 และ 6 จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑, ๒, ๓ และที่ ๔ มีมีดเป็นอาวุธฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ ๕, ๖ และที่ ๗ มีเหล็กแป๊บ ๒ อัน เป็นอาวุธร่วมกันอีกฝ่ายหนึ่ง บังอาจทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ได้รับอันตรายบ้าง ได้รับอันตรายสาหัสบ้าง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕, ๒๙๗, ๘๓ และริบของกลาง
จำเลยทั้งเจ็ดให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๕ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ จำคุก ๖ เดือน จำเลยที่ ๖ มีความผิดตามมาตรา ๒๙๕ ปรับ ๕๐๐ บาท ยกฟ้องจำเลยนอกนั้นริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามฟ้องแก่จำเลยทุกคน เว้นแต่จำเลยที่ ๕
จำเลยที่ ๕ และที่ ๖ อุทธรณ์ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๖ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ จำคุก ๖ เดือน นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๕ และที่ ๖ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๕ มีกำหนด ๖ เดือน และพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ ๖ เป็นเงิน ๕๐๐ บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ ๖ เป็นให้ลงโทษจำคุก ๖ เดือน เช่นนี้ จำเลยที่ ๕ และที่ ๖ เดือน เช่นนี้ จำเลยที่ ๕ และที่ ๖ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๙ ฎีกาของจำเลยที่ ๕ ที่ ๖ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ ๕ และที่ ๖

Share