คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จากทรัพย์ที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดไว้โดยอ้างว่าตนมีบุริมสิทธินั้นต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาศาลจึงจะยอมให้รับชำระหนี้จากทรัพย์นั้นได้ อ้างฎีกาที่ 887/2471 เจ้าหนี้บุริมสิทธิตามคำพิพากษาไปร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์อันตนมีบุริมสิทธินั้นภายหลังศาลขายทอดตลาดทรัพย์นั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ชนะความจำเลยแล้วยึดทรัพย์ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าทรัพย์ที่ยึดบางอย่างผู้ร้องขายเชื่อให้จำเลยไปก่อนยึดเพียงวันเดียวยังไม่ได้รับชำระราคา จึงขอคืนทรัพย์นั้นให้ผู้ร้องหรือถ้าจำเป็นต้องขายก็ให้ผู้ร้องรับชำระหนี้ราคาก่อน เพราะผู้ร้องมีบุริมสิทธิ
ศาลเดิมฟังว่าผู้ร้องขายเชื่อทรัพย์เหล่านั้น ให้จำเลยจริงและยังไม่ได้รับชำระราคา ผู้ร้องย่อมมีบุริมสิทธิพิเศษตาม ม.๒๕๙(๕) จึงสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์เหล่านั้นก่อนโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคำร้องของผู้ร้องเป็นแต่เพียงกล่าวอ้างขึ้นมา มิได้มีคำพิพากษาแสดงว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำเลยจริงและเวลานี้ไม่มีกฎหมายในวิธีบัญญัติกล่าวถึงการบังคับชำระหนี้ในหนี้บุริมสิทธิ การบังคับชำระหนี้บุริมสิทธิจึงต้องฟ้องร้องแลมีคำพิพากษาอย่างหนี้สามัญ และจะนำเรื่องร้องขัดทรัพย์มาอนโลมใช้กับคดีเรื่องนี้ไม่ได้ จึงพิพากษากลับศาลล่างว่าจะอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ยังไม่ได้ แต่คำพิพากษานี้ไม่ตัดสิทธิผู้ร้องไปฟ้องคดีขอให้ศาลแสดงว่าตนเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิเพื่อได้รับใช้ราคาที่มีอยู่ในสังหาริมทรัพย์ที่ได้ขายไปนั้นตามกฎหมาย

Share