คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องของจำเลยทั้งสองประกอบเอกสารท้ายคำร้องแล้ว เห็นว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลที่หมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยชอบแล้ว จึงไม่มีเหตุเพิกถอนการยึดทรัพย์ เป็นการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยตามที่เห็นสมควรว่าจากคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนก็ชอบที่จะกระทำได้ ในกรณีเช่นนี้ศาลชอบที่จะมีคำสั่งตามคำร้องไปได้เลยโดยไม่ต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อน การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์โดยไม่ทำการไต่สวนจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2556 เจ้าพนักงานบังคับคดีกับพวกซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดีได้ร่วมกันยึดทรัพย์จำเลยทั้งสอง 22 รายการ มูลค่า 58,397,200 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีมีหน้าที่ต้องยึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองตามที่ระบุในหมายบังคับคดีคือบ้านเลขที่ 1077 แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีกลับไปยึดทรัพย์บางส่วนที่บ้านเลขที่ 58/4 กับ 58/5 เป็นการบุกรุกรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของจำเลยทั้งสอง และทำรายงานเท็จว่ายึดทรัพย์สินทุกรายการที่บ้านเลขที่ 1077 ดังกล่าว การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์ บัญชียึดทรัพย์ ประกาศการยึดทรัพย์ และงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างการพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์โดยไม่ทำการไต่สวนเป็นการกระทำโดยชอบหรือไม่ โดยจำเลยทั้งสองฎีกาว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 (2) “ถ้าประมวลกฎหมายนี้มิได้บัญญัติไว้ว่า คำขออันใดจะทำได้แต่ฝ่ายเดียว ห้ามมิให้ศาลทำคำสั่งในเรื่องนั้น ๆ โดยมิให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหรือคู่ความอื่น ๆ มีโอกาสคัดค้านก่อน…” และตาม (4) “ถ้าประมวลกฎหมายนี้มิได้บัญญัติไว้ว่าศาลต้องออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอที่ได้เสนอต่อศาลนั้น โดยไม่ต้องทำการไต่สวนแล้ว ก็ให้ศาลมีอำนาจทำการไต่สวนได้ตามที่เห็นสมควรก่อนมีคำสั่งตามคำขอนั้น…” การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการยึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองและยกคำร้องจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นตรวจคำร้องของจำเลยทั้งสองประกอบเอกสารท้ายคำร้องแล้ว เห็นว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลที่หมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยชอบแล้ว จึงไม่มีเหตุเพิกถอนการยึดทรัพย์ เป็นการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยตามที่เห็นสมควรว่าจากคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนก็ชอบที่จะกระทำได้ ในกรณีเช่นนี้ศาลชอบที่จะมีคำสั่งตามคำร้องไปได้เลยโดยไม่ต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านก่อน ซึ่งศาลฎีกาได้ตรวจดูคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองประกอบเอกสารท้ายคำร้องแล้ว ก็เห็นว่าเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานหลักฐานของจำเลยทั้งสองก่อนดังที่จำเลยทั้งสองฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเห็นชอบตามคำสั่งศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share