คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2401/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกร่วมกันขับรถยนต์ติดตามรถยนต์ ล. ถึง 3 กิโลเมตรและใช้อาวุธปืนยิง ล. 2 ครั้ง โดยเฉพาะครั้งหลัง เป็นการยิงขณะ ล. อยู่ในหนองน้ำไม่อาจหลบหนีได้อีก เป็นการส่อให้เห็นความมุ่งมั่นที่จะฆ่า ล. ให้ได้ เมื่อประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยประกาศชื่อตน และถาม ล. ว่า ล. เป็นผู้ฆ่าบิดามารดาและ น้องสาวจำเลยทำไม ทั้งได้ความว่าจำเลยตามฆ่า ล.มา 3 ปีแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) จำเลยยิง ล. แต่กระสุนปืนพลาดไปถูก จ. ถึงแก่ความตายจำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่า จ. โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 60 กระทงหนึ่งต่อมาจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิง ล. บาดเจ็บและถึงแก่ความตายในภายหลัง จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่า ล. โดยไตร่ตรองตามมาตรา 289(4) อีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันแต่โจทก์มิได้ฟ้องหรืออุทธรณ์ฎีกาประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรม จึงไม่อาจลงโทษจำเลยเป็นแต่ละกรรมได้ คงลงโทษจำเลยฐานฆ่า ล. และ จ. โดยไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นกรรมเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 2 คน โดยวางแผนล่วงหน้าและไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายเจียม วรินทรเวชและนายเล็ก จันทร์ปรุงหลายนัด โดยจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่ากระสุนปืนถูกที่บริเวณหน้าอกราวนมด้านขวาของนายเจียมและถูกที่บริเวณด้านขมับขวาและที่ใต้ราวนมทั้งสองข้างของนายเล็ก เป็นเหตุให้นายเจียมและนายเล็กถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก เหตุเกิดที่ตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวพันกันเจ้าพนักงานยึดได้หัวกระสุนปืน 1 หัว ที่จำเลยกับพวกร่วมกันใช้ยิงผู้ตายทั้งสองดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83, 288, 289 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4), 83 ให้ประหารชีวิต ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้คงเป็นตามศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยกับพวกได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสองถึงแก่ความตายจริง ปัญหาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฆ่าผู้ตายทั้งสองโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าพฤติการณ์ที่จำเลยกับพวกร่วมกันใช้รถยนต์เป็นพาหนะขับติดตามรถยนต์นายเล็กถึง 3 กิโลเมตร และใช้อาวุธปืนยิงนายเล็กทั้งสองครั้งโดยเฉพาะครั้งหลังก็เป็นการยิงขณะนายเล็กอยู่ในหนองน้ำ ไม่อาจหลบหนีได้อีก เป็นการส่อให้เห็นความมุ่งมั่นที่จะฆ่านายเล็กให้ได้ และการที่จำเลยกับพวกแสดงตนว่ามาจากกองทัพภาคที่ 4 ประสงค์จะจับกุมนายเล็กหรือสหายยอดผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์นั้นเชื่อว่าเป็นเพียงการแอบอ้างที่จะให้ได้ตัวนายเล็กเพื่อนำไปฆ่าโดยใช้วิธีการให้ตำรวจที่ป้อมยามตำรวจบังคับให้นายเล็กจอดรถยนต์ที่ป้อมยามตำรวจเท่านั้น เมื่อประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยประกาศชื่อตน และถามนายเล็กว่า นายเล็กฆ่าบิดา มารดา น้องสาวของจำเลยทำไมทั้งยังได้ความจากจำเลยว่าตามฆ่านายเล็กมา 3 ปีแล้ว จึงฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) เมื่อครั้งแรกกระสุนปืนพลาดไปถูกนายเจียมถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่านายเจียมตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)ประกอบมาตรา 60 กระทงหนึ่ง และเมื่อจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายเล็กได้รับบาดเจ็บ แล้วถึงแก่ความตายในภายหลัง จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่านายเล็กโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามมาตรา 289(4)อีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันแต่โจทก์มิได้ฟ้องหรืออุทธรณ์ฎีกาประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมศาลฎีกาไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นแต่ละกรรมได้คงลงโทษจำเลยฐานฆ่านายเล็กและนายเจียม โดยไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นกรรมเดียว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share