แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อาวุธปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมายจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดอันจะต้องริบตามประมวบกฎหมายอาญา มาตรา 32 การที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในทางสาธารณะและหมู่บ้านและยืนปืนในหมู่บ้านนั้น ไม่ทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายไปด้วย แต่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไป แม้กรณีเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลมีอำนาจหรือให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ริบก็ได้ ไม่ใช่บทบังคับที่ศาลจะต้องสั่งริบเสมอไป เช่น กรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวจากเจ้าพนักงานได้พกพาอาวุธปืนสั้นหมายเลขทะเบียน อ.ด.๔/๑๑๑๗๐ ของจำเลยเอง ไปในทางสาธารณะและหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุจำเลยและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และไม่มีเหตุสมควร และจำเลยได้ยิงปืนในหมู่บ้าน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ,๗๒ ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑,๓๗๖ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ, ๗๒ ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑,๓๗๖ ฯลฯ ลงโทษฐานพกพาอาวุธปืนมีทะเบียนฯ ซึ่งเป็นบทหนักปรับ ๔๐๐ บาท ฐานยิงปืนในหมู่บ้านปรับ ๕๐๐ บาท รวมปรับ ๙๐๐ บาท รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับ ๔๕๐ บาท ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้คืนอาวุธปืนของกลางแก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาขอให้ริบอาวุธปืนของกลาง โดยอ้างว่าการทระทำของจำเลยตามฟ้องซึ่งข้อเท็จจริงยุติตามคำรับสารภาพของจำเลยเป็นการใช้อาวุธปืนกระทำผิดตามกฎหมายแม้เป็นปืนมีทะเบียนก็ต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ (๑) นั้น เห็นว่าอาวุธปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาติให้มีตามกฎหมาย จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดอันจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒ การที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในทางสาธารณะและหมู่บ้านและยิงปืนในหมู่บ้านตามฟ้องนั้น ไม่ทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายไปด้วย แต่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ ไป แม้กรณีเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ (๑) กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลมีอำนาจหรือให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ริบก็ได้ ไม่ใช่บทบังคับที่ศาลจะต้องสั่งริบเสมอไป เช่นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒
พิพากษายืน.