คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คเพื่อกู้เงินบุคคลอื่นมาซื้อกระดาษ แต่ยังกู้ไม่ได้ จึงเก็บเช็คไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน ต่อมาเช็คนั้นหายไป จำเลยจึงได้บอกกล่าวอายัดเช็คต่อธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็ค และแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน ฉะนั้น แม้เช็คดังกล่าวจะไปตกอยู่แก่ผู้เสียหายซึ่งรับเงินไม่ได้ก็ตาม จำเลยก็หามีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท มอบให้นายเชาว์ คูหาการ เพื่อเป็นการชำระหนี้ ต่อมานายเชาว์ได้มอบเช็คนั้นชำระหนี้ให้แก่นายสุจินต์ ผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้นำเช็คไปเข้าบัญชีที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าบัญชีผู้สั่งจ่ายปิดแล้ว ทั้งนี้โดยจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ให้จำคุกจำเลย ๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพยานโจทก์ที่ว่าจำเลยได้ยืมเงินนายเชาว์ ๒๐,๐๐๐ บาท และมอบเช็คพิพาทให้เป็นการชำระหนี้นั้นไม่น่าเชื่อถือ เพราะโจทก์ไม่มีตัวนายเชาว์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้หรือหนังสือสัญญากู้มาสืบแสดงเลย ทั้งที่จำเลยปฏิเสธความข้อนี้และว่าเช็คพิพาทหายสงสัยว่านายเชาว์เป็นผู้ลักเอาไป ฝ่ายพยานจำเลยนั้นนอกจากตัวจำเลยจะเบิกความยืนยันปฏิเสธว่าไม่ได้ออกเช็คฉบับพิพาทมอบให้แก่นายเชาว์ แต่ได้ออกเพื่อกู้เงินแขกมาซื้อกระดาษและยังกู้ไม่ได้ จึงเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานบ้านจำเลยเอง แล้วหายไป เมื่อจำเลยทราบว่าเช็คพิพาทหายไปก็ได้บอกกล่าวอายัดเช็คพิพาทไปยังธนาคาร เพื่อไม่ให้ใช้เงินตามเช็ค และแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจไว้เป็นหลักฐานตามกฎหมายแล้ว ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ออกเช็คพิพาทโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค แม้เช็คพิพาทจะไปตกอยู่แก่ผู้เสียหายและรับเงินไม่ได้ จำเลยก็ไม่มีความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์.

Share