คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 24/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้หนี้ที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายจะเป็นหนี้ตามคำพิพากษาที่ยังไม่ถึงที่สุด แต่คู่ความก็ต้องผูกพันในผลของคำพิพากษานั้นจนกว่าคำพิพากษาจะถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขกลับหรืองดเสีย จึงถือว่าเป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 9(3) เมื่อจำเลยที่ 1 ทราบคำบังคับและหมายบังคับคดีของศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าว จำเลยที่ 1 ได้โอนทรัพย์สินของตนไปหมดแล้ว ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มีทรัพย์สินรวมกันประมาณ 800,000บาท เท่านั้นไม่พอชำระหนี้ให้โจทก์ซึ่งมีจำนวนหนี้ทั้งสิ้นถึง 11,000,000 บาทเศษ กรณีจึงไม่มีเหตุที่ยังไม่สมควรให้จำเลยที่ 1 ล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 จำเลยที่ 1 ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 เด็ดขาด ต้องเสียค่าขึ้นศาล50 บาท ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 179(1)ที่จำเลยที่ 1 เสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกามา 200 บาท จึงเสียเกินมาศาลฎีกาเห็นสมควรคืนเงินค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินให้จำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่เป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำนวน 11,062,905 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์จำเลยทั้งสี่เป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัวขอให้สั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสี่เด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ล้มละลาย
จำเลยทั้งสี่ไม่ยื่นคำให้การและจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสี่เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้หนี้ตามที่โจทก์ฟ้องจะเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นโดยผลของคำพิพากษาซึ่งยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม แต่คู่ความก็ต้องผูกพันในผลของคำพิพากษานั้นจนกว่าคำพิพากษาจะถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข กลับหรืองดเสีย ดังนี้ หนี้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอนตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 9(3) แล้ว ทั้งปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์ว่า เมื่อจำเลยที่ 1ทราบคำบังคับและหมายบังคับคดีของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ได้โอนทรัพย์สินของตนไปหมดแล้วส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มีทรัพย์สินรวมกันเพียงประมาณ 800,000 บาท เท่านั้นไม่พอชำระหนี้ให้โจทก์ซึ่งมีจำนวนหนี้ทั้งสิ้นถึง 11,000,000 บาทเศษ กรณีจึงไม่มีเหตุที่ยังไม่สมควรให้จำเลยที่ 1 ล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 14
อนึ่ง ที่จำเลยที่ 1 เสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกามา 200 บาทนั้น เกินจำนวนที่จะต้องเสียตามมาตรา 179(1) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ไป 150 บาท เห็นควรคืนให้จำเลยที่ 1
พิพากษายืน ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 150 บาท แก่จำเลยที่ 1

Share