คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 24/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ว่าคดีศาลแขวงย่อมอยู่ในความหมายของคำว่า พนักงานอัยการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 43 ทั้งนี้โดยนัยแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 5 ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (5) ฉะนั้นจึงย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้กักกันจำเลยได้
กักกันมิใช่โทษอาญา แต่เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 39 (1) ซึ่งมีลักษณะเบากว่าโทษจำคุก (คำพิพากษาฎีกาในที่ประชุมใหญ่ที่ 1455/2511) ฉะนั้น จึงย่อมอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาให้กักกันจำเลยตามที่ผู้ว่าคดีฟ้องขอมาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ขวดกาแฟผง ๑ ขวด ราคา ๔๓ บาทของนายเปียเฮียง แซ่เตียว ไปโดยทุจริต ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาแล้วหลายครั้งตามประวัติแจ้งโทษท้ายฟ้องรวมทั้งเคยต้องโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า ๖ เดือนมาแล้วไม่น้อยกว่า ๒ ครั้ง จำเลยพ้นโทษมายังไม่ครบ ๕ ปี มากระทำผิดซ้ำอีก ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ , ๙๒และขอให้พิพากษากักกันจำเลยด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหา และในข้อเคยต้องโทษมาแล้วด้วย
ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาให้จำคุกจำเลย ๙ เดือน เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ เป็นจำคุก ๑๒ เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งฐานรับสารภาพตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ เดือน กรณีถือว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดติดนิสัย เมื่อพ้นโทษจำคุกแล้ว ให้ส่งตัวไปกักกันเป็นเวลา ๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์ในดุลพินิจโทษที่ลง และในกรณีให้ส่งจำเลยไปกักกัน ว่ามิได้ขออำนาจของศาลอาญาไว้ก่อน คำพิพากษาให้กักกันจึงมิชอบ
ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับดุลพินิจโทษที่ศาลแขวงพระนครเหนือกำหนดลง แต่ในข้อให้กักกันจำเลยฐานเป็นผู้กระทำผิดติดนิสัยนั้น เห็นว่าเป็นอำนาจพนักงานอัยการโดยเฉพาะ ผู้ว่าคดีฯ ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาให้กักกันผู้กระทำผิดติดนิสัย พิพากษาแก้ โดยให้ยกคำขอโจทก์ที่ให้กักกันจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๕ บัญญัติให้ถือว่าการดำเนินคดีของผู้ว่าคดีเป็นการดำเนินคดีของพนักงานอัยการ และให้ถือว่าผู้ว่าคดีมีอำนาจหน้าที่ซึ่งบัญญัติไว้ว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญา ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒ (๕) ซึ่งบัญญัติว่าพนักงานอัยการหมายถึง เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลทั้งนี้จะเป็นข้าราชการในกรมอัยการหรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีอำนาจเช่นนั้นก็ได้ ผู้ว่าคดีศาลแขวงย่อมอยู่ในความหมายของคำว่าพนักงานอัยการดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๔๓ จึงมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิจารณาพิพากษากักกันจำเลยได้ ส่วนในปัญหาที่ว่าศาลแขวงจะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาให้กักกันได้หรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการส่งตัวจำเลยไปกักกันไม่ใช่โทษอาญา เป็นแต่เพียงวิธีการ เพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙ (๑) ซึ่งมีลักษณะเบากว่าโทษจำคุก (ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๕๕/๒๕๑๑ ศาลแขวงย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาให้กักกันจำเลยได้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share