แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกได้ แบ่งกัญชาห่อกระดาษหนังสือพิมพ์และแบ่งใส่ถุงพลาสติกนั้น เป็นการผลิตกัญชาตาม ความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 แต่ เมื่อกัญชาดังกล่าวเป็นจำนวนเดียว กันกับกัญชาที่จำเลยทั้งสองกับพวกมีไว้เพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 26, 75, 76 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 7, 8ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 17 กันยายน 2522ข้อ 4 (1) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นจึงแยกพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 โดยพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามพิพากษายาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75, 76 ลงโทษฐานผลิตจำคุก 2 ปี ฐานมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 2 ปี รวมเป็นจำคุก 4 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75, 76 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 7, 8 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ฐานผลิตกัญชาและฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ลงโทษฐานผลิตกัญชาจำคุก 4 ปี จำเลยที่ 2รับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ตามมาตรา 78 หนึ่งในสามแล้วคงจำคุก 2 ปี 8 เดือน
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 เป็น 2 กรรมตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 กับพวกเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ลงโทษจำเลยที่ 2ฐานผลิตกัญชาซึ่งเป็นบทหนักนั้นเป็นการไม่ถูกต้องเพราะความผิดฐานผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 75แและ มาตรา 76 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522ที่แก้ไขแล้ว มีอัตราโทษเท่ากันซึ่งศาลจะลงโทษจำเลยที่ 2 บทไหนก็ได้และที่ศาลชั้นต้นพิพากษาอ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 75, 76 โดยไม่ได้ระบุวรรคนั้น เห็นสมควรระบุให้ถูกต้องและคดีนี้เป็นกรณีจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ขึ้นมาด้วย พิพากษาแก้เป็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75 วรรคแรก 76 วรรคสองที่แก้ไขแล้ว ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 กรณีเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เนื่องจากบทฐานผลิตกัญชาตามมาตรา 75 วรรคแรกและฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามมาตรา 76 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษดังกล่าว มีอัตราโทษเท่ากันจึงให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ฐานผลิตกัญชาตามาตรา 75 วรรคแรกแห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษดังกล่าวจำคุกจำเลยที่ 1 สองปีจำเลยที่ 1 รับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลยที่ 1 หนึ่งปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัยหาตามฎีกาของโจทก์มีว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่า เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยทั้งสองกับพวกพร้อมกับยึดได้กัญชาซึ่งจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยแยกเป็นกัญชาแห้งที่ยังไม่ได้แบ่งห่อหรือแบ่งบรรจุ 1 ห่อ เป็นกัญชาที่จำเลยทั้งสองกับพวกแบ่งห่อกระดาหนังสือพิมพ์แล้ว 28 ห่อ และแบ่งบรรจุใส่ถุงพลาสติดขนาดเล็กอีก 9ถุง เป็นของกลาง เห็นว่าการที่จำเลยทั้งสองกับพวกได้แบ่งกัญชาห่อกระดาษหนังสือพิมพ์และแบ่งบรรจุใส่ถุงพลาสติกนั้นเป็นการผลิตกัญชาตามความหมายของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4 แต่กัญชาดังกล่าวเป็นจำนวนเดียวกับกัญชาที่จำเลยทั้งสองกับพวกมีไว้เพื่อจำหน่าย การที่จำเลยทั้งสองกับพวกแบ่งห่อกระดาษหนังสือพิมพ์และแบ่งบรรจุใส่ถุงพลาสติกก็เพื่อสะดวกในการจำหน่ายเท่านั้น การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท มิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันดังโจทก์ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.