แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การอนุญาตให้ฎีกาเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณา.หรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้ง หากโจทก์ประสงค์จะให้ผู้พิพากษาคนใดอนุญาตให้ฎีกา ก็ชอบที่จะขวนขวายให้มีการรับรองและอนุญาตเอง ศาลไม่มีหน้าที่ส่งฎีกาของโจทก์ไปให้รับรอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาพร้อมสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะต้องยื่นต่อศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณารับรองฎีกาโดยตนเอง ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 มีใจความเพียงว่า คดีที่กฎหมายห้ามฎีกา ถ้ามีคำอนุญาตให้ฎีกาของผู้พิพากษาหรือคำรับรองของอธิบดีกรมอัยการ ก็ให้ศาลรับฎีกานั้นไว้พิจารณา ส่วนการอนุญาตหรือรับรองให้ฎีกามีวิธีการอย่างไรหาได้บัญญัติไว้ไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การอนุญาตให้ฎีกาเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้ง หากโจทก์ประสงค์จะให้ผู้พิพากษาคนใดอนุญาตให้ฎีกา ก็ชอบที่จะขวนขวายให้มีการรับรองและอนุญาตเองศาลไม่มีหน้าที่ส่งฎีกาของโจทก์ไปให้รับรอง
พิพากษายืน