แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยเนื่องจากมูลหนี้ฐานละเมิดที่โจทก์ทำเงินของจำเลยขาดบัญชีไป การชำระเงินในลักษณะเช่นนี้ ย่อมมีผลตามกฎหมายขึ้นทันทีว่า ถ้าโจทก์ชำระเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิด จำเลยก็ต้องคืนเงินส่วนที่เกินให้แก่โจทก์ในฐานลาภมิควรได้ สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกเงินคืนจึงมีขึ้นตั้งแต่วันที่โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยแล้ว นับแต่วันนั้นถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกว่าสิบปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 419
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้แต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกคลังตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๙๒ ถึงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๐๑ และดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกเงินตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๐๑ ถึง ๓ พฤษภาคม ๒๕๐๖ มีหน้าที่ทำฎีกาเบิกรับจ่ายเงิน เก็บรักษาเงิน ทำบัญชีต่าง ๆ เก็บรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเงิน ควบคุมการฝากและถอนเงิน ฯลฯ ระหว่างจำเลยปฏิบัติหน้าที่ราชการดังกล่าว ได้เกิดการคลาดเคลื่อนและสับสนทางบัญชีเงินได้ขาดบัญชีซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ โจทก์จึงได้นำเงินส่วนตัวของโจทก์เข้าใช้แทนไปพลางก่อนเป็นเงิน ๕๗๑,๐๔๙.๕๖ บาท ต่อมาวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๐๗ สำนักนายกรัฐมนตรีและจำเลยฟ้องโจทก์ต่อศาลแพ่งให้รับผิดฐานละเมิดเป็นเงิน ๑,๑๙๕,๔๑๒.๘๐ บาท ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์รับผิดเพียง ๕๒๐,๙๐๗.๕๕ บาท เมื่อหักกับที่โจทก์ใช้ไปแล้วโจทก์ใช้เงินเกินไป ๕๐,๑๔๒.๐๑ บาท ซึ่งจำเลยต้องใช้คืน โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยไม่ยอมคืนขอให้บังคับ
จำเลยให้การว่า คดีขาดอายุความ เพราะโจทก์ไม่ฟ้องเรียกเงินคืนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์ทราบว่ามีสิทธิได้คืน อย่างไรก็ตามโจทก์มิได้ฟ้องภายในสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธิของโจทก์ในการเรียกร้องคืนได้มีขึ้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยคืนเงินที่รับเกินพร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเงิน ๕๑,๐๒๘.๘๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีขาดอายุความแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ชำระเงินจำนวน ๕๗๑,๐๔๙.๕๖ บาท แก่จำเลยตั้งแต่ก่อนจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๒๗๑/๒๕๐๗ ของศาลแพ่งแล้ว และฟ้องโจทก์ก็ระบุว่าจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๐๗ จึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่จำเลยก่อนวันที่โจทก์ถูกจำเลยฟ้องแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยก็เนื่องมาจากมูลหนี้ฐานละเมิดโดยเหตุที่โจทก์ทำเงินของจำเลยขาดบัญชีไป เงินที่โจทก์ชำระแก่จำเลยจึงไม่ใช่เงินที่โจทก์ชำระไปก่อนชั่วคราว การชำระเงินในลักษณะเช่นนี้ ย่อมมีผลตามกฎหมายขึ้นทันทีว่า ถ้าโจทก์ชำระเงินเกินกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์จะต้องรับผิดชอบจำเลยก็จะต้องคืนเงินส่วนที่เกินให้แก่โจทก์ในฐานลาภมิควรได้สิทธิของโจทก์จะเรียกเงินคืนจึงมีขึ้นตั้งแต่วันที่โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยแล้วนับแตวันนั้นถึงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๒๓ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกว่าสิบปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๙
พิพากษายืน