แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าเสียหายให้โจทก์ 7,500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะในเรื่องค่าเสียหายเป็นว่าให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์44,067 บาท ดังนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงเล็กน้อยและทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกิน 50,000 บาทจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 4ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับค่าซ่อมรถนอกจากจะเคลือบคลุมแล้ว โจทก์สามารถบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน7,500 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 44,067 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 3 ฎีกา ขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าเสียหายให้โจทก์ 7,500 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะในเรื่องค่าเสียหายเป็นว่าให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 44,067 บาท ตามฟ้อง เช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงเล็กน้อย และทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกินห้าหมื่นบาท จำเลยที่ 3 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลยที่ 3 โดยเห็นว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากนั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยจำเลยที่ 3”
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 3.