คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2388/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล ข้อ 2 มีข้อความดังนี้ “หากจำเลยตกลงขายหรือโอนทรัพย์สินใดๆ ของจำเลยได้ก่อนในรอบระยะชำระหนี้ 6 เดือนแรกหรือในระยะ 6 เดือนต่อๆ ไปก็ตาม จำเลยจะต้องแจ้งให้ศาลและโจทก์ทราบด้วย และให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ก่อน ภายในวงเงินที่จะต้องชำระตามงวดในข้อ 1 หากจำเลยไม่แจ้งศาลหรือไม่แจ้งโจทก์หรือไม่ชำระเงินแก่โจทก์เมื่อขายหรือโอนทรัพย์สินใดๆ ของจำเลยแล้วให้ถือว่าจำเลยผิดนัดและยอมให้โจทก์บังคับคดีทั้งหมดทันที ที่จะถือว่าจำเลยผิดนัดและยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทั้งหมดนั้น มีดังนี้คือเมื่อขายทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยแล้วไม่แจ้งศาล หรือไม่แจ้งโจทก์หรือไม่ชำระเงินให้แก่โจทก์ ข้อความในสัญญาใช้คำว่า หรือ ดังนั้นจำเลยจะเลือกปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ ไม่เป็นการผิดสัญญาตามสัญญาข้อนี้มิได้บังคับให้จำเลยนำเงินทั้งหมดที่ขายทรัพย์สินได้มาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ทั้งหมด แต่ให้ชำระหนี้แก่โจทก์ก่อนภายในวงเงินที่จะต้องชำระตามงวดเท่านั้น งวดที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระจำเลยจึงไม่ต้องชำระให้แก่โจทก์ แม้จะขายทรัพย์สินได้เป็นเงินจำนวนเกินกว่าหนี้ทั้งหมดของโจทก์ก็ตาม และตามสัญญามิได้มีข้อตกลงให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่จะต้องชำระกันเป็นงวดๆ เมื่อขายทรัพย์สินได้ดังนั้นแม้จำเลยจะขายทรัพย์สินไปแล้ว ก็ต้องรวบรวมเงินให้ได้จำนวนพอแก่การชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ ตามสัญญาตามคำร้องของโจทก์ จำเลยขายแร่ไปเพียง 97 หาบ ไม่ปรากฏว่าราคาเท่าใดพอจะชำระหนี้งวดแรกให้แก่โจทก์หรือไม่ ก็ไม่ทราบวันที่จำเลยขายแร่ก็ยังไม่ถึงกำหนดชำระเงินงวดแรก ดังนั้น จำเลยจึงยังมิได้กระทำผิดสัญญาที่จะทำให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีทั้งหมดได้ในทันที

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าผิดสัญญาและละเมิด คู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยยอมใช้เงินให้แก่โจทก์เป็นจำนวน ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท หากจำเลยขายโอนทรัพย์สินใด ๆของจำเลยได้ก่อนในรอบระยะชำระหนี้ ๖ เดือนแรกหรือในระยะ ๖ เดือนต่อ ๆ ไป ก็ตาม จำเลยจะต้องแจ้งให้ศาลและโจทก์ทราบ หากจำเลยไม่แจ้งศาลหรือไม่แจ้งโจทก์หรือไม่ชำระเงินแก่โจทก์ ให้ถือว่าจำเลยผิดนัดและยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทั้งหมดทันที ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๒มิถุนายน ๒๕๑๖ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยขายแร่ไปจำนวนรวม๙๗ หาบ ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ๒๕๑๖ จำเลยมิได้แจ้งศาลหรือโจทก์และไม่ชำระเงินที่ขายทรัพย์ได้ให้โจทก์ ถือว่าจำเลยผิดนัดขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ศาลชั้นต้นสั่งออกหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดทรัพย์ของจำเลยและอายัดเงินฝากของนายโรแนลด์ เอช แอสคิว ไว้ด้วย จำเลยและนายโรแนลด์ เอช แอสคิวยื่นคำแถลงคัดค้านว่าจำเลยไม่ผิดสัญญายอม และจำเลยเป็นบริษัทจำกัดนายโรแนลด์ เอช แอสคิว ไม่ใช่หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ศาลชั้นต้นสั่งถอนการอายัดเงินของนายโรแนลด์ เอช แอสคิว
โจทก์อุทธรณ์ขอให้อายัดเงินของนายโรแนลด์ เอช แอสคิว
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ปล่อยทรัพย์ของจำเลยที่ยึดไว้ ยกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ ๒ มีข้อความดังนี้ “ข้อสองหากจำเลยตกลงขายหรือโอนทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยได้ก่อนในรอบระยะชำระหนี้ ๖ เดือนแรกหรือในระยะ ๖ เดือนต่อ ๆ ไปก็ตาม จำเลยจะต้องแจ้งให้ศาลและโจทก์ทราบด้วย และให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ก่อน ภายในวงเงินที่จะต้องชำระตามงวดในข้อ ๑ หากจำเลยไม่แจ้งศาลหรือไม่แจ้งโจทก์หรือไม่ชำระเงินแก่โจทก์เมื่อขายหรือโอนทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยแล้ว ให้ถือว่าจำเลยผิดนัดและยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทั้งหมดทันที” ที่จะถือว่าจำเลยผิดนัดและยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทั้งหมดนั้น มีดังนี้ คือ เมื่อขายทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยแล้วไม่แจ้งศาลหรือไม่แจ้งโจทก์หรือไม่ชำระเงินให้แก่โจทก์ ข้อความในสัญญาใช้คำว่า หรือ ดังนั้นจำเลยจะเลือกปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ ไม่เป็นการผิดสัญญา ตามสัญญาข้อนี้มิได้บังคับให้จำเลยนำเงินทั้งหมดที่ขายทรัพย์สินได้มาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ทั้งหมด แต่ให้ชำระหนี้แก่โจทก์ก่อนภายในวงเงินที่จะต้องชำระตามงวดเท่านั้นงวดที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ จำเลยจึงไม่ต้องชำระให้แก่โจทก์ แม้จะขายทรัพย์สินได้เป็นเงินจำนวนเกินกว่าหนี้ทั้งหมดของโจทก์ก็ตาม และตามสัญญามิได้มีข้อตกลงให้จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่จะต้องชำระกันเป็นงวด ๆ เมื่อขายทรัพย์สินได้ ดังนั้น แม้จำเลยจะขายทรัพย์สินไปแล้วก็ต้องรวบรวมเงินให้ได้จำนวนพอแก่การชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นงวด ๆ ตามสัญญาตามคำร้องของโจทก์ จำเลยขายแร่ไปเพียง ๙๗ หาบ ไม่ปรากฏว่าราคาเท่าใดพอจะชำระหนี้งวดแรกให้แก่โจทก์หรือไม่ก็ไม่ทราบวันที่จำเลยขายแร่ก็ยังไม่ถึงกำหนดชำระเงินงวดแรก ดังนั้น จำเลยจึงยังมิได้กระทำผิดสัญญาที่จะทำให้โจทก์มีสิทธิบังคับคดีทั้งหมดได้ในทันที ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกเลิกการบังคับคดีปล่อยทรัพย์ของจำเลยที่ถูกยึด ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลแห่งคดี
พิพากษายืน

Share