คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตอนเกิดเหตุผู้ตายเมาสุรา จำเลยไม่เมาเกิดโต้เถียงท้าทายกัน แล้วจำเลยเดินถอยหลังหนีผู้ตายเดินตาม และใช้มือตบศรีษะจำเลยผู้มีอายุสูงกว่าถึง 5 ปี (จำเลยอายุ 48 ปี) จำเลยห้ามผู้ตายก็ไม่ฟังยังตามจำเลยเข้าไปข่มเหงอีก ดังนี้ เห็นว่าผู้ตายได้ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนตีและยิงผู้ตายไปในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

ย่อยาว

พนักงานอัยการโจทก์และนางปาน ประเสริฐสุข มารดานายเสริญผู้ตายโจทก์ร่วมฟ้องว่าจำเลยได้ใช้ปืนพกยิงนายเสริญ ประเสริฐสุข โดยมีเจตนาฆ่ากระสุนปืนถูกนายเสริญถึงแก่ความตายทันที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้จำคุก ๒๐ ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะ พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ จำคุก ๑๕ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เข้าเหตุบันดาลโทสะ
จำเลยฎีกาว่ากระทำเพื่อป้องกันตัว
ได้ความในเบื้องต้นว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา ๒๒ นาฬิกาเศษ ในวัดก่อนเกิดเหตุผู้ตายและจำเลยต่างไปคุยกับพระครูปลัดสนั่นที่ระเบียงหน้าโบสถ์เก่า เกิดโต้เถียงท้าทายกันต่างออกไปจากระเบียงโบสถ์คนละช่องกำแพง แล้วกลับเข้ามาทางช่องกำแพงเดียวกัน ตอนนี้เองจำเลยได้ใช้ปืนพกยิงผู้ตาย ๑ นัด ถูกศีรษะผู้ตายล้มลงตายทันที
การกระทำของจำเลยเป็นเพราะบันดาลโทสะหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความตามคำพยานโจทก์ว่า ในตอนเกิดเหตุผู้ตายเมาสุราจำเลยไม่เมา จำเลยเป็นฝ่ายเดินถอยหลังหนีผู้ตายเดินตามและใช้มือตบศีรษะจำเลยผู้มีอายุสูงกว่าถึง ๕ ปี (จำเลยอายุ ๔๘ ปี) จำเลยห้ามผู้ตายก็ไม่ฟัง ยังตามจำเลยเข้าไปข่มเหงอีกดังนี้ เห็นว่าผู้ตายได้ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้ปืนตีและยิงผู้ตายไปในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะแต่ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษสูงเกินไป
พิพากษาแก้ ให้จำคุกจำเลย ๘ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share