คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกล่าวดูหมิ่นเจ้าพนักงงานคือร้อยตำรวจโทธวัชชัย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกล่าวดูหมิ่นสิบตำรวจโทสมศรี มิใช่กล่าวดูหมิ่นร้อยตำรวจโทธวัชชัย จึงถือได้ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องขอผัดฟ้องและฝากขังของพนักงานสอบสวนระบุว่าผู้ต้องหา (จำเลยคดีนี้) ได้พูดด่าร้อยตำรวจโทธวัชชัยเท่านั้น และในคำฟ้องระบุชัดเจนว่าร้อยตำรวจโทธวัชชัยผู้เสียหายกับพวกมีสิบตำรวจโทสมศรี ต่อมาก็ระบุว่าผู้เสียหายกับพวกไปพบจำเลย เป็นการยืนยันว่าร้อยตำรวจโทธวัชชัยเท่านั้นที่เป็นผู้เสียหายสิบตำรวจโทสมศรีเป็นเพียงพวกของผู้เสียหาย มิใช่ผู้เสียหาย ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกล่าวดูหมิ่นเจ้าพนักงานนั้น ย่อมต้องหมายความว่ากล่าวดูหมิ่นร้อยตำรวจโทธวัชชัยเพียงคนเดียว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกล่าวดูหมิ่นสิบตำรวจโทสมศรีมิใช่กล่าวดูหมิ่นร้อยตำรวจโทธวัชชัย ผู้เสียหายที่ปรากฏในการพิจารณาจึงเป็นคนละคนกับผู้เสียหายดั่งที่กล่าวในฟ้อง ถือได้ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒
พิพากษายืน.

Share