คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2387/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิของโจทก์มาพร้อมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่ง คำร้องขอของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา254 วรรคท้าย การที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์สั่งและศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องของโจทก์จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องดังกล่าวของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่ขอให้เพิกถอนประทานบัตรเฉพาะส่วนที่พิพาทที่โจทก์ครอบครอง ห้ามจำเลยที่ 3 และที่ 4 ทำเหมืองแร่ในที่พิพาท ขับไล่จำเลยที่ 3 และที่ 4 พร้อมบริวารและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง เครื่องมือเครื่องจักรออกไป ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ดำเนินการออกประทานบัตรให้โจทก์และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ พร้อมกับฟ้องโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ห้ามจำเลยที่ 3 และที่ 4 สูบแร่ในที่พิพาท ศาลแพ่งไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องต่อมาเมื่อศาลแพ่งสอบถามคู่ความและต่างแถลงรับกันแล้วมีคำสั่งให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสอง

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์และร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ทั้งสองก่อนมีคำพิพากษา

ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้อง

โจทก์ทั้งสองฎีกาคำสั่ง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 วรรคท้ายบัญญัติว่า ในระหว่างระยะเวลานับแต่ศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดี หรือชี้ขาดอุทธรณ์ไปจนถึงเวลาที่ศาลได้รับอุทธรณ์หรือรับฎีกา คำขอตามมาตรานี้ให้ยื่นต่อศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งอนุญาตหรือยกคำขอเช่นว่านี้ สำหรับคดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งสองยื่นคำขอคุ้มครองสิทธิของโจทก์ทั้งสองพร้อมกับอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งคำร้องขอของโจทก์ทั้งสองตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องไปให้ศาลอุทธรณ์สั่งและศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องของโจทก์ทั้งสองนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องดังกล่าวของโจทก์ทั้งสอง

Share