คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอที่ยื่นไว้ตามมาตรา 254 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น ศาลชั้นต้นจะต้องฟังพยานที่ผู้ขอนำมาสืบหรือที่ศาลเรียกมาสืบให้ได้ความตามที่มาตรา 255 บัญญัติไว้เสียก่อน จะมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอโดยเพียงแต่สอบถามโจทก์จำเลยแล้วบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาทั้งที่ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอตามมาตรา 255 ไม่ได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยนำรถโดยสารมารับส่งคนโดยสารในเส้นทางเดินรถซึ่งโจทก์ได้รับอนุญาต และยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยทำการขนส่งในเส้นทางเดินรถของโจทก์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๔ (๒)
จำเลยรับสำเนาคำร้องแล้วไม่ยื่นคำแถลงคัดค้าน
ในวันนัดไต่สวน ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์จำเลยแล้วมีคำสั่งห้ามชั่วคราวตามคำขอของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามจำเลยตามคำขอของโจทก์โดยมิได้ทำการไต่สวนพยานก่อน ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นจะสั่งตามคำขอของโจทก์นั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๕ บัญญัติไว้ว่า “ห้ามมิให้ศาลอนุญาตตามคำขอที่ยื่นไว้ตามมาตรา ๒๕๕ เว้นแต่ศาลจะเป็นที่พอใจจากพยานที่ผู้ขอนำมาสืบ หรือที่ศาลได้เรียกมาสืบ ฯลฯ” เมื่อมีบทกฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้ ศาลชั้นต้นจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กล่าวคือจะต้องฟังจากพยานซึ่งผู้ขอนำมาสืบหรือซึ่งศาลเรียกมาสืบให้ได้ความตามที่มาตรา ๒๕๕ บัญญัติไว้เสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์และจำเลยแล้วบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาเพียงว่าจำเลยที่ ๑ ยังมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ที่ ๑ ให้นำรถโดยสารเข้ามาร่วมรับส่งคนโดยสาร และยังกระทำอยู่เท่านั้น ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอตามมาตรา ๒๕๕ ที่ศาลจะสั่งได้ ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนพยานแล้วสั่งตามรูปคดี

Share