คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่าที่ดิน ที่โจทก์ฟ้อง โจทก์, จำเลยได้ทำการปราณีประนอมยอมความกัน โดยศาลจดรายงานไว้เป็นหลักฐานในคดีหนึ่งแล้ว
ในวันชี้สองสถาน โจทก์รับว่าที่ดินที่ฟ้องเป็นที่รายเดียวกันกับที่ยื่นคำร้องคัดค้านไว้ต่อศาลในคดีที่จำเลยอ้างจริง ดังนี้ ศาลจะฟังตามที่จำเลยอ้างว่า คดีนี้มีประเด็นอย่างเดียวกับคดีก่อน และโจทก์จำเลยได้ปราณีประนอมยอมความกันแล้วไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้แถลงรับ ทั้งคดีที่กล่าวอ้างก็ยังไม่มีคู่ความใดอ้างสำนวนเป็นพะยาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินหมายเลข ๑-๒-๓ เป็นของโจทก์
จำเลยให้การว่า ที่ดินหมาย ๑ จำเลยไม่เกี่ยวข้อง ส่วนที่หมาย ๒-๓ โจทก์จำเลยได้ทำการปราณีประนอมยอมความกันโดยศาลจดรายงานไว้เป็นหลักฐานในคดีดำที่ ๓/๒๔๘๙ แล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิเรียกร้องอีก
ในวันชี้สองสถาน โจทก์รับว่าที่ดินหมาย ๒-๓ เป็นที่รายเดียวกับที่ยื่นคำร้องขอคัดค้านไว้ต่อศาลในคดีดำที่ ๓/๒๔๘๙ ซึ่งศาลได้พิจารณาเสร็จไปแล้ว
ศาลชั้นต้นงดสืบพะยานแล้วพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาคดีต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จำเลยรับรองว่าที่ดินหมาย ๒-๓ เป็นที่รายเดียวกับที่โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านในคดีดำที่ ๓/๒๔๘๙ ส่วนข้อที่จำเลยอ้างว่า คดีนี้มีประเด็นเดียวกับคดีก่อน และโจทก์จำเลยได้ปราณีประนอมยอมความกันในคดีก่อนแล้วนั้น โจทก์มิได้แถลงรับและคดียังไม่มีการอ้างอิงพะยานหลักฐานอย่างใดใดที่จะฟังได้ เช่นจำเลยกล่าวอ้างทั้งยังไม่ปรากฏในขณะนั้นว่าคดีก่อน มีข้อพิพาทอย่างใด ปราณีประนอมกันอย่างไร ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอ้างสำนวนคดีดำที่ ๓/๒๔๘๙ มาเป็นพะยาน ศาลอุทธณ์พิพากษาชอบแล้ว จึงพิพากษายืนตาม

Share