คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ร่วมขนส่งสินค้าสุราที่โจทก์รับประกันภัยทอดสุดท้ายจากท่าเรือสิงคโปร์ถึงท่าเรือของจำเลยที่ 2 ในประเทศไทย และระหว่างที่สินค้าสุรา อยู่ที่ลานพักสินค้าซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ปรากฏว่าสินค้าสุราดังกล่าวได้รับความเสียหาย อันเป็นการ ขอให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ในฐานะ ผู้ขนส่งทางทะเลจำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2ไม่ได้เป็นผู้ขนส่งสินค้าสุราพิพาท แต่จำเลยที่ 2 ประกอบกิจการท่าเรือ ความเสียหายมิได้เกิดจากความผิดของจำเลยที่ 2ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย และต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ได้ความว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ร่วมขนส่งทอดสุดท้ายเพียงแต่จำเลยที่ 2 ประกอบธุรกิจท่าเรืออย่างเดียว จำเลยที่ 2 ก็หาต้องรับผิดในการที่สินค้าเสียหาย อันเนื่องมาจากการขนส่งไม่การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ประกอบกิจการท่าเรือ มีหน้าที่บำรุงรักษารวมทั้งจัดสถานที่ และอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อบริการแก่ผู้ใช้ท่าเรือ ของจำเลยที่ 2 การที่น้ำท่วมลานพักสินค้าของจำเลยที่ 2 เพราะฝนตกหนักไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด ต่อโจทก์ โดยโจทก์มิได้กล่าวบรรยายฟ้องให้จำเลยที่ 2ต้องรับผิดในฐานะผู้ประกอบกิจการท่าเรือแล้วไม่ดูแลรักษาสินค้าจนทำให้สินค้าต้องเสียหายไว้แต่อย่างใด จึงเป็นการ วินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 รับผิดนอกฟ้องนอกประเด็นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและ การค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า บริษัทริซ มอนเด (ประเทศไทย)จำกัด สั่งซื้อสุราจากผู้ขายในประเทศอังกฤษ โดย บริษัทริช มอนเด (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกันภัยการขนส่งทางทะเลของสินค้าดังกล่าวจากเมืองท่าเซาท์แฮมป์ตัน ประเทศอังกฤษถึงประเทศไทยกับโจทก์ ในการขนส่งทางทะเลมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขนส่งโดยเรือเซ็นเซ็น เบย์และเรือแฟรงเฟิร์ต เอ็กซเพรส เมื่อเรือทั้งสองลำเดินทางมาถึงประเทศสิงค์โปร์ได้มีการถ่ายสินค้ามาสู่เรือศรีมณีเพื่อร่วมกับจำเลยที่ 2 ทำการขนส่งทอดสุดท้ายมายังประเทศไทยและเข้าจอดเทียบท่าเรือของจำเลยที่ 2 แล้วขนสินค้าจากเรือศรีมณีมาวางไว้บริเวณลานพักสินค้าของจำเลยที่ 2 เพื่อทำพิธีศุลกากร เมื่อบริษัทริซ มอนเด (ประเทศไทย) จำกัดผู้รับตราส่งไปขอรับสินค้าจากจำเลยที่ 2 สินค้าได้รับความเสียหายจากความเปียกชื้น ไม่อาจใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ทางการค้าตามปกติ โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวแก่บริษัทริซ มอนเด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เอาประกันภัย โจทก์จึงรับช่วงสิทธิมาเรียกร้องจำเลยทั้งสองให้ชำระค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 1,723,978.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 1,613,079.08 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ความเสียหายของสินค้ามิได้เกิดขึ้นในระหว่างอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 มิได้ประกอบกิจการรับขนของทางทะเล จำเลยที่ 2 มิได้เป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายของสินค้าพิพาทจำเลยที่ 2 ประกอบกิจการบริหารท่าเรือเอกชน ความเสียหายของทรัพย์สินพิพาทเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่มีฝนตกหนัก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 1,209,802 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2539 จนถึงวันที่จำเลยที่ 2 ชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งนี้ดอกเบี้ยเมื่อคิดถึงวันฟ้อง(วันที่ 6 มิถุนายน 2540) ต้องไม่เกิน 110,899 บาท ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2ข้อแรกว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า ตามคำฟ้องของโจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 2เป็นผู้ขนส่งร่วมจึงต้องรับผิดในมูลรับขนส่งต่อโจทก์ แต่เมื่อพยานหลักฐานชี้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ประกอบกิจการท่าเรือมิใช่ผู้ร่วมขนส่งทอดสุดท้าย จำเลยที่ 2 ก็หาต้องรับผิดต่อโจทก์การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยไปเลยว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์เพราะจำเลยที่ 2 มีหน้าที่จัดหาสถานที่และบำรุงรักษาทรัพย์เพื่อบริการแก่ผู้ใช้ท่าเรือของจำเลยที่ 2 การที่ฝนตกหนักและน้ำท่วมท่าเรือของจำเลยที่ 2 มิใช่เหตุสุดวิสัยและเป็นเหตุการณ์ที่จำเลยที่ 2ต้องรับผิดต่อโจทก์ เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ชอบนั้นเห็นว่า ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวโดยชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 2เป็นผู้ร่วมขนส่งสินค้าสุราที่โจทก์รับประกันภัยทอดสุดท้ายจากท่าเรือสิงคโปร์ถึงท่าเรือของจำเลยที่ 2 ในประเทศไทยและระหว่างที่สินค้าสุราอยู่ที่ลานพักสินค้าซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ปรากฏว่าสินค้าสุราดังกล่าวได้รับความเสียหายอันเป็นการขอให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ในฐานะผู้ขนส่งทางทะเลที่ทำให้สินค้าสุราซึ่งโจทก์รับประกันภัยได้รับความเสียหายขณะอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง เมื่อจำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้ขนส่งสินค้าสุราพิพาท แต่จำเลยที่ 2 ประกอบกิจการท่าเรือ ความเสียหายมิได้เกิดจากความผิดของจำเลยที่ 2 และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เพียงว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายและต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด เมื่อทางนำสืบของโจทก์ไม่ได้ความว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ร่วมขนส่งทอดสุดท้ายดังที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยโดยนายสงวน เลี้ยงขจรเกียรติ และนายภูมินทร์ ธนสัมพันธ์กุล พยานโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 ถามค้านต้องกันว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมขนส่งด้วย แต่จำเลยที่ 2 ประกอบธุรกิจท่าเรืออย่างเดียว เช่นนี้ จำเลยที่ 2 ก็หาต้องรับผิดในการที่สินค้าเสียหายอันเนื่องมาจากการขนส่งไม่ การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์เนื่องจากจำเลยที่ 2 ประกอบกิจการท่าเรือ จึงมีหน้าที่บำรุงรักษารวมทั้งจัดสถานที่และอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อบริการแก่ผู้ใช้ท่าเรือของจำเลยที่ 2 การที่น้ำท่วมลานพักสินค้าของจำเลยที่ 2 เพราะฝนตกหนักไม่ใช่เหตุสุดวิสัย จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ โดยคำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวบรรยายให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดในฐานะผู้ประกอบกิจการท่าเรือแล้วไม่ดูแลรักษาสินค้าจนทำให้สินค้าต้องเสียหายไว้แต่อย่างใดคงบรรยายให้จำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้ร่วมขนส่งกับจำเลยที่ 1 เท่านั้น จึงเป็นการวินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 รับผิดนอกฟ้องนอกประเด็นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 คดีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยที่ 2 อีกต่อไป อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share