แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ใช้ตรอกพิพาทเป็นทางเดินเข้าออกจากที่ดินโจทก์สู่ทางสาธารณะมากกว่าสิบปีแล้วตรอกพิพาทจึงตกอยู่ในภารจำยอมโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 และมิใช่เป็นการได้มาโดยนิติกรรมอันจะต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299
อายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374 เป็นเรื่องผู้ครอบครองถูกรบกวนในการครอบครองทรัพย์สินเพราะมีผู้สอดเข้าเกี่ยวข้อง มิใช่อายุความบังคับแก่เรื่องภารจำยอมซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1399
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1350 เป็นเรื่องให้เจ้าของที่ดินที่แบ่งแยกซึ่งไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินจากเจ้าของที่ดินที่แบ่งแยกไปได้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์มีตรอกพิพาทเป็นทางภารจำยอมออกสู่ทางสาธารณะได้อยู่ก่อนแล้ว จึงนำเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 มาปรับไม่ได้
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันล้อมรั้วปิดตรอกพิพาท แม้จำเลยที่ 1 จะได้แบ่งขายที่ดินรวมทั้งตรอกพิพาทให้จำเลยร่วมอีกคนหนึ่งไปแล้ว และจำเลยที่ 2 มิได้มีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมาก่อน โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องจำเลยทั้งสองได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้ร่วมกันทำประตูปิดกั้นตรอกทางเดินซึ่งโจทก์กับจำเลยได้ใช้ร่วมกันมาหลายสิบปีขอให้ศาลบังคับให้จำเลยเปิดทาง
จำเลยที่ ๑ สู้ว่า โจทก์มีทางเดินทางอื่น โจทก์เพิ่งจะมาใช้ทางเดินในที่ดินจำเลยเป็นครั้งคราวเมื่อ ๕ – ๖ ปีมานี้ทำให้จำเลยเดือดร้อน จำเลยทำประตูปิดกั้นตรอกทางเดินในที่ดินของจำเลยและจำเลยได้แบ่งแยกโฉนดโอนขายที่ดินให้ผู้อื่นไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย จำเลยที่ ๒ ให้การว่าเป็นบุตรของจำเลยที่ ๑ ได้ช่วยจำเลยที่ ๑ ล้อมรั้วทำประตูก็เพื่อความปลอดภัยของบ้านและทรัพย์สินไม่ต้องรับผิดชอบ
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดี ศาลอนุญาต จำเลยร่วมให้การว่า โจทก์เพิ่งเดินผ่านที่ดิน จำเลยที่ ๑ ก่อนเกิดคดีทำลายรั้ว ๔ – ๕ ปี โจทก์กับจำเลยที่ ๑ เคยว่ากล่าวกันที่อำเภอไม่ตกลงกัน อำเภอสั่งให้ฟ้องก็ไม่ฟ้องเกิน ๑ ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าตรอกพิพาทตกอยู่ในภารจำยอมโดยทางอายุความ ให้จำเลยและจำเลยร่วมเปิดประตูรั้วและเปิดตรอกทางเดินพิพาทให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ใช้ตรอกพิพาทเป็นทางเดินเข้าออกจากที่ดินโจทก์สู่ทางสาธารณะมากกว่าสิบปีแล้ว ตรอกพิพาทจึงตกอยู่ในภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๐๑
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ให้จดทะเบียนภารจำยอมไว้ในโฉนด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง เห็นว่าการได้ภายจำยอมเป็นการได้มาโดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๐๑ มิใช่เป็นการได้มาโดยนิติกรรมอันจะต้องจดทะเบียนการได้มาตามมาตรา ๑๒๙๙
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่ถูกรบกวนสิทธิ คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๔ เห็นว่าอายุความ ๑ ปี ตามมาตรา ๑๓๗๔ เป็นเรื่องผู้ครอบครองถูกรบกวนในการครอบครองทรัพย์สินเพราะมีผู้สอดเข้าเกี่ยวข้อง แต่คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางภารจำยอม ซึ่งยังมิได้ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๙๙
ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะอีกทางหนึ่ง โจทก์ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาทางเดินจากเจ้าของที่ดินนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๕๐ เห็นว่า มาตรา ๑๓๕๐ เป็นเรื่องให้เจ้าของที่ดินที่แบ่งแยกซึ่งไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินจากเจ้าของที่ดินที่แบ่งแยกไปได้ แต่ปรากฏว่าโจทก์มีตรอกพิพาทเป็นทางภารจำยอมออกสู่สาธารณะได้อยู่ก่อนแล้ว จึงนำเอามาตรา ๑๓๕๐ มาปรับกับคดีนี้ไม่ได้
ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยที่ ๑ ได้แบ่งขายที่ดินรวมทั้งตรอกพิพาทให้จำเลยร่วมไปแล้ว และจำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมาแต่ต้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เห็นว่าจำเลยทั้งสองฟ้องได้ร่วมกันล้อมรั้วปิดตรอกพิพาท โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องจำเลยทั้งสองได้
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย