แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามสภาพของพืชผลต้องติดอยู่กับต้นหรือปลูกปักอยู่ในดิน การทำให้ผลไม้หลุดออกจากต้น เช่นสอยมะม่วง หรือตัดขนุนให้หล่นลงมา หรือ ขุดถอนมันหรือต้นหอมให้หลุดพ้นขึ้นจากดินโดยยังไม่ทันเอาไปด้วยนั้น ยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปดังที่ท่านบัญญัติไว้ใน ก.ม.อาญา ม.288
คนร้ายถอนต้นหอมของผู้อื่นขึ้นมา ทิ้งเกลื่อนอยู่บนร่องสวน ยังไม่ทันจะเอาไป พอดีเจ้าทรัพย์มาพบเสีย+ดังนี้ เป็นผิดฐานพยายามลักทรัพย์เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์คดีได้ความว่า ในคืนวันโจทก์หา จำเลยได้นั่งถอนต้นหอมของนายกิมเชียงขึ้นมาทิ้ง เกลื่อนอยู่บนร่องสวนหนักประมาณ ๑๐๐ กก. ราคา ๓๕ บาท นายกิมเชียงถือคราดวิ่งไปจะจับจำเลย ๆ วิ่งหนี นายกิมเชียงไล่ทัน จำเลยใช้มีดทำร้ายนายกิมเชียงมีบาดแผล
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ม.๓๐๐ วรรค ๒ มีกำหนด ๗ ปี
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ จึงพิพากษาแก้ ให้จำคุก ๔ ปี ๘ เดือน
โจทก์ฎีกาอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๙๙/๒๔๘๕
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสภาพของพืชผล ต้องติดอยู่กับต้นหรือปลูกปักอยู่ในดิน การทำให้ผลไม้หลุดออกจากต้น เช่นสอยมะม่วงหรือตัดขนุนให้หล่นลงมา หรือขุดถอนมันหรือต้นหอมให้หลุดพ้นขึ้นจากพื้นดินโดยยังไม่ทันเอาไปด้วยนั้น ยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปดังที่ท่านบัญญัติไว้ใน ก.ม.อาญามาตรา ๒๘๘ คำพิพากษาฎีกาที่โจทก์อ้างข้อเท็จจริงต่างกับคดีนี้ จึงพิพากษายืน