แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสืบพยานปากผู้เสียหายจนถึงเวลา12นาฬิกาแล้วให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อนัดหน้าแต่นัดต่อมาผู้เสียหายไม่มาศาลซึ่งโจทก์ได้แถลงว่าก่อนที่จำเลยที่1จะได้รับประกันตัวไปจำเลยทั้งสามเคยเสนอให้เงินแก่ผู้เสียหายแต่ตกลงกันไม่ได้ต่อมาเมื่อจำเลยที่1ได้รับประกันตัวไปผู้เสียหายและมารดาไม่ยอมรับหมายเรียกอีกเข้าใจว่าได้รับเงินจากฝ่ายจำเลยและมีข้อตกลงว่าจะไม่ยอมมาเบิกความที่ศาลจำเลยทั้งสามมิได้แถลงคัดค้านว่าไม่เป็นความจริงและศาลมีคำสั่ง งดสืบพยานโจทก์ปากผู้เสียหายดังนี้เมื่อการไม่สามารถนำตัวผู้เสียหายมาเบิกความไม่ใช่ความผิดของโจทก์ทั้งผู้เสียหายได้เบิกความต่อศาลแล้วย่อมรับฟังได้ส่วนการที่จำเลยทั้งสาม ไม่ได้ ถามค้านจะทำให้พยานโจทก์ปากผู้เสียหายมีน้ำหนักน่าเชื่อเพียงใดหรือไม่เป็นเรื่องที่จะได้พิจารณาชั่งน้ำหนักต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สาม ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา277, 310, 317, 91, 83
จำเลย ทั้ง สาม ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม , 310 วรรคแรก , 317 วรรคสามประกอบ มาตรา 83 เป็น ความผิด ต่าง กรรม ให้ เรียง กระทง ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐาน กระทำ ชำเรา เด็ก หญิง อายุ ไม่เกินสิบ สาม ปี อัน มี ลักษณะ เป็น การ โทร มเด็ก หญิง โดย ใช้ อาวุธ และ ฐานหน่วงเหนี่ยว กักขัง เป็น กรรมเดียว เป็น ความผิด ต่อ กฎหมาย หลายบทลงโทษ ฐาน กระทำ ชำเรา ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสามซึ่ง เป็น บทหนัก จำคุก ตลอด ชีวิต ฐาน พราก ผู้เยาว์ เพื่อ การ อนาจาร จำคุกคน ละ 6 ปี และ จำเลย ที่ 1 กับ ที่ 2 ยัง มี ความผิด ฐาน กระทำ ชำเราเด็ก หญิง อายุ ไม่เกิน สิบ สาม ปี โดย เด็ก หญิง ไม่ยินยอม อีก กระทง หนึ่งจำคุก คน ละ 7 ปี จำเลย ทั้ง สาม ให้การรับสารภาพ ใน ชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์ แก่ การ พิจารณา นับ เป็นเหตุ บรรเทา โทษ อาศัย อำนาจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สาม คง จำคุก จำเลยทั้ง สาม ฐาน กระทำ ชำเรา อัน มี ลักษณะ เป็น การ โทร มเด็ก หญิง คน ละ 33 ปี4 เดือน ฐาน พราก ผู้เยาว์ คน ละ 4 ปี และ จำคุก จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2ฐาน กระทำ ชำเรา อีก คน ละ 4 ปี 8 เดือน รวม จำคุก จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2คน ละ 41 ปี 12 เดือน จำคุก จำเลย ที่ 3 รวม 37 ปี 4 เดือน
จำเลย ทั้ง สาม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษาแก้ เป็น ว่า จำเลย ทั้ง สาม มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม , 310 วรรคแรก , 83, 91 เป็น2 กระทง คือ ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม , 83กระทง หนึ่ง และ ผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคแรก , 83อีก กระทง หนึ่ง ส่วน ความผิด ของ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ฐาน กระทำ ชำเราเด็ก หญิง อายุ ไม่เกิน สิบ สาม ปี อีก กระทง หนึ่ง เป็น ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสอง นอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็น ไปตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ทั้ง สาม ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว จำเลย ทั้ง สาม ฎีกา ข้อ แรก ว่าทนายจำเลย ทั้ง สาม ยัง ไม่ได้ ถาม ค้านพยาน โจทก์ ปาก ผู้เสียหาย ศาล รับฟังพยาน ปาก นี้ ไม่ชอบ เห็นว่า ตาม รายงาน กระบวนพิจารณา ของ ศาลชั้นต้นลงวันที่ 17 มีนาคม 2536 ศาลชั้นต้น สืบพยาน ปาก ผู้เสียหาย จน ถึง เวลา12 นาฬิกา ศาลชั้นต้น ให้ เลื่อน ไป สืบพยานโจทก์ ต่อ นัด หน้า แต่ ใน นัดต่อมา ผู้เสียหาย ไม่มา ศาล ซึ่ง โจทก์ แถลง ต่อ ศาลชั้นต้น ปรากฏ ตาม รายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ 2 มีนาคม 2537 ว่า ทราบ ว่า ก่อน ที่ จำเลย ที่ 1จะ ได้รับ ประกันตัว ไป จำเลย ทั้ง สาม เคย เสนอ จะ ให้ เงิน ชดใช้ ค่าเสียหายให้ แก่ ผู้เสียหาย แต่ ตกลง กัน ไม่ได้ ต่อมา เมื่อ จำเลย ที่ 1 ได้รับประกัน ตัว ไป ผู้เสียหาย และ มารดา ผู้เสียหาย ไม่ยอม รับ หมายเรียก อีกเข้าใจ ว่า ได้รับ เงิน จาก ฝ่าย จำเลย และ มี ข้อตกลง ว่า จะ ไม่ยอม มา เบิกความที่ ศาล จำเลย ทั้ง สาม มิได้ แถลง คัดค้าน ว่า ไม่เป็น ความจริง ตาม ที่ โจทก์แถลง และ ต่อมา ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง งดสืบพยาน โจทก์ ปาก ผู้เสียหาย เห็นได้ว่า การ ไม่สามารถ นำตัว ผู้เสียหาย มา เบิกความ ที่ ศาล ไม่ใช่ ความผิดของ โจทก์ เมื่อ ผู้เสียหาย ได้ เบิกความ ต่อ ศาลชั้นต้น โดยชอบ แล้ว ศาล ก็ย่อม รับฟัง ได้ ส่วน การ ที่ จำเลย ทั้ง สาม ไม่ได้ ถาม ค้าน จะ ทำให้ พยานโจทก์ปาก ดังกล่าว มี น้ำหนัก น่าเชื่อ เพียงใด หรือไม่ เป็น เรื่อง ที่ ศาล จะ ได้พิจารณา ชั่งน้ำหนัก ต่อไป ฎีกา จำเลย ทั้ง สาม ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน