แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยาไม่จดทะเบียน จำเลยแพ้คดีเรื่องเงินกู้ซึ่งเกิดระหว่างอยู่กินด้วยกัน บ้านในที่ดินของผู้ร้องบิดามารดายกให้ผู้ร้องก่อนอยู่กินด้วยกันกับจำเลยมิใช่ทำมาหาได้ร่วมกัน โจทก์ยึดบ้านบังคับคดีไม่ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนการยึดบ้านพิพาท ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกับผู้ร้องอยู่กินกันฉันสามีภรรยาเป็นเวลา 30 ปีเศษ โดยมิได้จดทะเบียนสมรสหนี้เงินกู้ตามฟ้องเกิดขึ้นระหว่างที่จำเลยกับผู้ร้องอยู่กินด้วยกัน และบ้านพิพาทปลูกอยู่บนที่ดินของผู้ร้องตามโฉนดเลขที่ 1715 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่าบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องหรือจำเลย
พิเคราะห์แล้ว ผู้ร้องนำสืบว่าบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยบิดามารดายกให้ ซึ่งโจทก์เบิกความเจือสมคำจำเลยว่า บ้านพิพาทมีมาก่อนจำเลยกับผู้ร้องได้กัน ข้อเท็จจริงเชื่อว่าบ้านพิพาทเดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของบิดามารดาผู้ร้องแล้วยกให้ผู้ร้อง ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกับผู้ร้องอยู่กินด้วยกันโดยมิได้จดทะเบียนสมรส การที่ผู้ร้องได้บ้านพิพาทมาโดยบิดามารดายกให้ มิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยและผู้ร้องได้ทรัพย์สินมาด้วยการทำมาหาได้ร่วมกัน บ้านพิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องเพียงผู้เดียว และผู้ร้องมีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ”