คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามบทบัญญัติประมวลรัษฎากร ผู้ใดให้เช่าทรัพย์สินอันเป็นเหตุให้ได้ค่าเช่ามา ผู้นั้นจึงเป็นผู้ต้องเสียภาษีเงินได้ ฉะนั้น เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของและผู้ให้เช่าเครื่องเรือน ค่าเช่าที่ได้มาย่อมเป็นเงินได้ การที่โจทก์จำหน่ายเงินได้นี้โดยยกให้บุคคลอื่นหรือใช้จ่ายในเหตุอื่นก็ตาม โจทก์ก็หาพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ในเงินค่าเช่าเครื่องเรือนนั้นไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ให้บุคคลอื่นเช่าบ้านพร้อมด้วยเครื่องเรือน ต่อมาโจทก์ได้ยกเครื่องเรือนในบ้านให้นางเรณูเพื่อเก็บค่าเช่าเป็นรายได้ส่วนตัว ซึ่งนางเรณูได้ให้ผู้เช่าบ้านโจทก์เช่าเครื่องเรือนดังกล่าว ต่อมาสิ้นปี พ.ศ. ๒๔๙๔ โจทก์และนางเรณูต่างได้เสียภาษีเงินได้แล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินภาษีเรียกเก็บภาษีเงินได้จากโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ แต่อธิบดีกรมสรรพากรให้ยกอุทธรณ์ ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้จำเลยคืนเงินที่เรียกเก็บ ๑๒,๐๕๒.๔๗ บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยคืนเงินที่เรียกเก็บเพิ่มใหม่ ๑๒,๐๕๒.๔๗ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้พิพาทกันเรื่องภาษีเงินได้ และเป็นเงินได้ซึ่งได้นจากการให้เช่าเครื่องเรือนซึ่งเป็นเงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๕) (ก) แห่งประมวลรัษฎากร และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๖) พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๑๗ คือ เป็นเงินที่ได้เนื่องจากการให้เช่าทรัพย์สิน ฉะนั้น ผู้ใดเป็นผู้ให้เช่าทรัพย์สิน คือเครื่องเรือนรายนี้อันเป็นเหตุให้ได้ค่าเช่ามา ผุ้นั้นก็เป็นผู้ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ที่ศาลอุทธรณ์มีความเห็๋นว่า คดีนี้แม้แต่โจทก์ไม่ยกเครื่องเรือนให้แก่นางบเรณูเสียเลย ยกให้แต่เงินได้ คือค่าเช่า ก็ต้องถือว่าค่าเช่านั้นเป็นเงินได้ของนางเรณู ไม่ใช่เงินได้ของโจทก์อันจะต้องเสียภาษีเงินได้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะถ้าโจทก์เป็นเจ้าของเครื่องเรือนและเป็นผู้ให้เช่าเครื่องเรือนนั้น ค่าเช่าที่ได้มาในเบื้องแรกย่อมตกเป็นของโจทก์ เข้าประเภทเงินได้ตามมาตรา ๔๐ (๕) (ก) ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งโจทก์เป็นผู้มีหน้าที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ หาใช่ผู้ใดอื่นไม่ การที่โจทก์จะจำหน่ายเงินได้คือ ค่าเช่านี้ไปประการใด จะให้แก่นางเรณูหรือจะใช้จ่ายในเหตุอื่นใดก็ตาม
ก็หาทำให้โจทก์หลุดพ้นหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินค่าเช่าที่ได้รับมานั้นแต่อย่างใดไม่ ฉะนั้นปัญหาสำคัญในคดีนี้จึงอยู่ที่ว่า ใครเป็นผู้ให้เช่าเครื่องเรือนรายนี้ ซึ่งมีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้ค่าเช่าจากการเช่าเครื่องเรือนนั้น
ข้อเท็จจริงมีว่า เมื่อเครื่องเรือนนั้นยังเป็นของโจทก์อยู่และโจทก์เป็นผู้ให้เช่า ค่าเช่านั้นย่อมเป็นเงินได้ของโจทก์ แม้โจทก์จะให้ค่าเช่านั้นแก่นางเรณูไปใช้จ่าย โจทก์ก็หาพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ในเงินค่าเช่าเครื่องเรือนนั้นไม่
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลแพ่ง

Share