แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจับงูเห่ากัดผู้ตายโดยเจตนาจำเลยจะผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนานั้น โจทก์จะต้องสืบให้ได้ความว่างูเห่านั้นกัดผู้ใดแล้วผลธรรมดาอันควรเกิดขึ้นและน่าจะเกิดขึ้นก็คือผู้นั้นจะถึงแก่ความตายเมื่อโจทก์ไม่สืบและข้อเท็จจริงกลับฟังได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยมีความเชื่อมั่นว่าผู้ตายซึ่งได้รับการสัก(จากจำเลย)แล้วถูกงูเห่ากัดจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งพยานโจทก์ว่าถ้ารักษาดีหรือกินยาก็หายได้ดังนี้กลับยังลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจับงูเห่าซึ่งเป็นงูพิษสามารถกัดคนตายได้เหวี่ยงไปที่นายมีโดยเจตนาจะฆ่านายมีให้ตาย งูเห่ากัดนายมีที่ข้อมือซ้าย 3 แผล นายมีถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยจับงูเห่าให้กัดนายมีตายจริงแต่เห็นว่าจำเลยไม่ได้ประสงค์ต่อผลหรือคาดเห็นผลแห่งการกระทำได้ เพราะงูที่มีพิษกัดคนนั้นหาใช่ว่าผู้ถูกกัดจะต้องตายเสมอไป ทั้งไม่มีประจักษ์พยานโจทก์ว่าถ้าเป็นงูเห่ากัดคน ๆ ต้องตายทุกรายไป จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา พิพากษาจำคุกจำเลย 6 ปี ตามกฎหมายอาญา มาตรา 251
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้นว่าจำเลยจับงูเห่าให้กัดนายมีถึงแก่ความตาย แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าแม้จำเลยจะเชื่อว่าเมื่อสักแล้วงูเห่ากัดไม่ตาย ซึ่งเป็นความเชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถจะพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ดังวิญญูชนทั้งหลายจะ พึงเชื่อถือความเชื่อของจำเลยอ้างแก้ตัวไม่ได้ พฤติการณ์ที่จำเลยกระทำฟังได้ว่าจำเลยกระทำโดยตั้งใจและประสงค์ต่อผลหรืออาจแลเห็นผลแห่งการที่กระทำนั้นได้ชื่อว่ากระทำโดยเจตนาตามกฎหมายอาญา มาตรา 43 ตอน 2 พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย 15 ปีตามกฎหมายอาญา มาตรา 249
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยจับงูเห่าให้กัดนายมีถึงแก่ความตายจริง และเห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยมีความเชื่อมั่นว่านายมีผู้ตายซึ่งได้รับการสัก (จากจำเลย)มาแล้วถูกงูเห่ากัดจะไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต จึงได้ทดลองให้งูเห่ากัดนายมีเพื่อให้นายเย็นกับพวกดูทั้งโจทก์มิได้สืบว่างูเห่ากัดผู้ใดแล้วผลธรรมดาอันควรเกิดขึ้นและน่าจะเกิดขึ้นก็คือผู้นั้นจะถึงแก่ความตายกลับได้ความตามคำพยานโจทก์ว่าถ้ารักษาดีหรือกินยาก็หาย จึงไม่พอฟังลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้
พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น