แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างเป็นพยานแก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน เป็นการฝ่าฝืนต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 แต่ ถ้า ศาลเห็นว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมทั้งไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ รับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน
โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยเพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับคำร้องดังกล่าว ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคำแถลงดังกล่าวไม่ใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่ง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย ซึ่ง เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
การที่จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อ ใน น.ส. 3 ด้วย จำเลยจึงได้ มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศคำสั่งไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิด ขอให้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยกระทำการตามหน้าที่ ไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่ว่าจำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารให้แก่โจทก์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด ศาลจะรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวได้หรือไม่ ได้ความว่าจำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารหมาย ล.๑ ถึง ล.๕๗ และภาพถ่ายหมาย ล.๕๘ หรือ ล.๖๑ ให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า ๓ วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๐ ศาลล่างทั้งสองรับฟังพยานเอกสารดังกล่าว เห็นว่าจำเลยไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารหมาย ล.๑ ถึง ล.๕๗ ให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานโจทก์ เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๐ แต่ถ้าศาลเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจรับฟังเอกสารดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๗ (๒) และคดีนี้ได้ความว่าเอกสารหมาย ล.๑ ถึง ล.๕๗ เป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีและโจทก์ก็นำสืบบุคคลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเอกสารดังกล่าวด้วย เอกสารดังกล่าวไม่ทำให้โจทก์เสียเปรียบในการต่อสู้คดี ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลยพินิจรับฟังเอกสารหมาย ล.๑ ถึง ล.๕๗ โดยอาศัยบทบัญญัติดังกล่าวชอบแล้ว ส่วนภาพถ่ายไม่เป็นพยานเอกสาร จำเลยไม่จำต้องส่งสำเนาให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ในปัญหาที่ว่า คำแถลงคัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย เพื่อให้ศาลปฏิเสธไม่ยอมรับฟังคำร้องดังกล่าว ถือว่าเป็นข้อโต้แย้งคำสั่งศาลหรือไม่เห็นว่า โจทก์ยื่อคำคัดค้านดังกล่าวต่อศาลก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งรับหรือปฏิเสธไม่ยอมรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย จึงเป็นคำคัดค้านคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติม หาใช่คำร้องโต้แย้งคำสั่งไม่ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อโจทก์ไม่โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ (๒) ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ในปัญหาที่ว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ได้ความจากทางนำสืบของโจทก์และหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๒ ว่า เดิมที่พิพาทหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๒ ระบุให้เว้นเป็นทางสัญจรซึ่งมีการสัญจรมาก่อนทำหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๒ แล้วเป็นระยะทางกว้าง ๓ เมตร และตาม น.ส.๓ เอกสารหมาย จ.๑ ซึ่งมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมก็ระบะว่า ทางด้านทิศตะวันออกจดตรอกทางเดิน ดังนี้ ผู้ที่พบเห็นเอกสารดังกล่าวย่อมเชื่อว่าที่พิพาทเป็นทางเดิน นอกจากนี้นายทรงศักดิ์เบิกความว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ นายวินิจ ทองเถาว์ ได้ล้อมรั้วที่ดินตามเอกสารหมาย จ.๑ เพื่อให้เอกชนเช่า พยานได้ร้องเรียนต่อกรมธนารักษ์ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ กรมธนารักษ์ตั้งกรรมการสอบสวนตรวจสอบแล้ว เจ้าหน้าที่แจ้งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของพยาน ให้พยานเว้นที่ดินดังกล่าว ๒ เมตร ทางกรมธนารักษ์จะเว้นที่ราชพัสดุ ๑ เมตรเพื่อเป็นทางสาธารณะ ได้มีการบันทึกเรื่องราวไว้ เห็นว่า คำเบิกความของนายทรงศักดิ์เกี่ยวกับการขอให้นายทรงศักดิ์เว้นที่ดินของนายทรงศักดิ์ ๒ เมตร และมีบันทึกกันไว้นั้นตรงกับข้อต่อสู้ของจำเลย และจำเลยมีบันทึกข้อตกลงของนายทรงศักดิ์ดังกล่าว ตามบันทึกข้อความเอกสารหมาย ล.๕๓ และหนังสือกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบกับข้อตกลงดังกล่าวตามเอกสารหมาย ล.๕๔ เป็นพยานเอกสารสนับสนุน ดังนี้จำเลยย่อมเชื่อโดยสุจริตว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และเมื่อโจทก์มีชื่อใน น.ส. ๓ เอกสารหมาย จ.๑ ด้วย จึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากทางสาธารณประโยชน์และนำประกาศดังกล่าวไปปิดประกาศในที่ที่พิพาทและที่อื่น ๆ เพื่อให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทางสาธารณประโยชน์ จึงไม่เป็นละเมิด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.