คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีวุตถุประสงค์ในการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์อยู่ก่อนแล้ว ต่อมาเมื่อประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ออกมาใช้บังคับก็ไม่ได้ระบุว่ากิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการที่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี หลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกำหนดให้กิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตเพิ่มขึ้น และให้ถือว่าการประกอบกิจการดังกล่าวเป็นการประกอบธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์อย่างหนึ่ง ดังนั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอรับอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าวต่อไปภายในกำหนดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวข้อ 22 และกระทรวงการคลังได้แจ้งชื่อบริษัทโจทก์ไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อแจ้งต่อกรมที่ดินทั้งนับแต่โจทก์ยื่นคำร้องขอรับอนุญาตแล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ไม่เคยแจ้งโจทก์หรือกรมที่ดินว่าไม่อนุญาตตามคำร้องขอดังกล่าวของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิรับซื้อฝากที่ดินพิพาทได้โดยชอบ และมีอำนาจฟ้อง
เมื่อโจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องและดำเนินคดีแทนแล้วอ. ย่อมมีอำนาจทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยได้โดยโจทก์ไม่ต้องทำหนังสือมอบอำนาจและแต่งทนายความให้กระทำการดังกล่าวอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทพร้อมบ้านที่ปลูกสร้างบนที่ดินไว้แก่โจทก์ กำหนดไถ่คืนภายใน 1 ปี แต่จำเลยไม่ไถ่คืนภายในกำหนด และยังคงอาศัยอยู่ในที่พิพาทตลอดมา โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท แต่จำเลยเพิกเฉยขอให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดิน ส่งมอบที่ดินพิพาทพร้อมบ้านแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย และใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 10,000 บาท จนกว่าจะออกไปจากที่ดินและบ้านของโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์ไม่มีอำนาจทำนิติกรรมรับซื้อฝากที่ดินพิพาท เพราะไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย การรับซื้อฝากจึงเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องเคลือบคลุม อ. ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ร่วมกับพวกหลอกลวงให้จำเลยลงชื่อในใบมอบอำนาจแล้วปลอมใบมอบอำนาจโดยกรอกข้อความว่าจำเลยมอบอำนาจให้บุคคลดังกล่าวทำสัญญาขายฝากที่พิพาทและบ้านแก่โจทก์ ขอให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนขายฝากดังกล่าวเป็นโมฆะ ห้ามโจทก์เข้ามาเกี่ยวข้อง และโจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งทำนองเดียวกันกับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านและที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยส่งมอบบ้านและที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 8,000บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากบ้านและที่ดินของโจทก์ให้ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยถึงแก่ความตายนางแมะนิอานัน ภรรยาจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะ ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพิเคราะห์พยานจำเลยและพยานโจทก์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2518 โจทก์ได้จดทะเบียนรับซื้อฝากที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ 2830 ตำบลสวนหลวง (ที่ 8พระโขนงฝั่งเหนือ) อำเภอพระโขนงกรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 8 ไร่ 3 งานพร้อมสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของจำเลยในราคา 1,120,000 บาท มีกำหนด 1 ปี โดยมีนายยุทธนา สุดาดวงลงชื่อเป็นผู้ขายฝากแทนจำเลยโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยลงชื่อไว้จริง ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ประเด็นข้อนี้ได้ความตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครเอกสารหมาย จ.9 ว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม2510 มีวัตถุประสงค์ในการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์อยู่ก่อนแล้วตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 5ที่จำเลยอ้างถึงในตอนแรกที่ประกาศใช้ก็ไม่ได้ระบุว่ากิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการที่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีแต่อย่างใด ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2515 จึงได้มีประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดให้กิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตต่อรัฐมนตรีและให้ถือว่าการประกอบกิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นการประกอบธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์อย่างหนึ่ง กรณีนี้จึงเป็นกรณีที่รัฐมนตรีประกาศให้กิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตเพิ่มขึ้นจากที่ได้ประกาศไว้แล้วตามที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ข้อ 5 ให้อำนาจไว้ซึ่งในกรณีที่รัฐมนตรีประกาศให้กิจการใดเป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตเพิ่มขึ้นจากที่ประกาศแล้วนี้ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ข้อ 22บัญญัติว่าถ้าผู้ประกอบกิจการอยู่ในวันที่รัฐมนตรีกำหนดประสงค์จะประกอบกิจการต่อไป ให้ยื่นคำขอรับอนุญาตตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ภายในหกสิบวันนับแต่รัฐมนตรีประกาศกำหนดเมื่อได้ยื่นคำร้องขอรับอนุญาตตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้แล้ว ให้ดำเนินกิจการต่อไปได้จนกว่าผู้อนุญาตได้แจ้งให้ทราบถึงการไม่อนุญาต คดีนี้ได้ความว่าโจทก์ได้ยื่นคำขอรับอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังภายในกำหนด และกระทรวงการคลังได้มีหนังสือลงวันที่ 24 มกราคม 2516 แจ้งชื่อบริษัทโจทก์ไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อแจ้งให้กรมที่ดินทราบตามเอกสารหมาย จ.ล.1ซึ่งมีชื่อโจทก์อยู่ในลำดับที่ 40 ปรากฏว่านับแต่โจทก์ยื่นคำขอรับอนุญาตแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผู้อนุญาตไม่เคยแจ้งโจทก์หรือกรมที่ดินว่าไม่อนุญาตให้โจทก์ประกอบกิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์แต่อย่างใด โจทก์จึงมีสิทธิรับซื้อฝากที่ดินพิพาทได้โดยชอบ และมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ และเห็นว่าเมื่อโจทก์ได้มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องและดำเนินคดีนี้แล้วอ. ย่อมมีอำนาจแก้ฟ้องแย้งของจำเลยได้ โดยโจทก์ไม่ต้องทำหนังสือมอบอำนาจและแต่งทนายความให้การต่อสู้ฟ้องแย้งของจำเลยอีก ฯลฯ
พิพากษายืน.

Share