คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานประเมินแจ้งการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเพิ่มโดยถือเอาเงินได้พึงประเมินของภริยาเป็นเงินได้ของสามี การที่โจทก์ขอให้แยกยอดเงินได้ของภริยาออกคำนวณภาษีเป็นคนละส่วนกับเงินได้ส่วนของโจทก์ เท่ากับโจทก์โต้แย้งการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินว่า โจทก์ไม่ควรต้องรับผิดเสียภาษีสำหรับเงินได้ส่วนของภริยา โจทก์ต้องอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อนจึงจะมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลได้
การที่จำเลยมีหนังสือแจ้งการพิจารณาของเจ้าพนักงานประเมินตามคำร้องของโจทก์ที่ขอให้แก้ไขการประเมินโดยขอให้แยกยอดเงินได้ของสามีและภริยานั้น ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องต่อศาล

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์เสียภาษีเงินได้เพิ่มเติมในส่วนที่เป็นภาษีซึ่งภริยาของโจทก์ต้องเป็นผู้เสีย โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานประเมินให้แบ่งภาษีออกตามส่วนของเงินได้ที่โจทก์และภริยาต่างได้รับ และแจ้งให้โจทก์และภริยาเสียภาษีเป็นคนละส่วนกัน จำเลยได้มีหนังสือแจ้งต่อโจทก์ว่ายังไม่สมควรที่จะแยกยอดเงินได้ตามที่โจทก์ร้องขอ เป็นการวินิจฉัยที่ปราศจากเหตุผล ทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่สั่งว่าไม่เห็นสมควรแยกยอดเงินได้ของโจทก์และภริยา กับให้จำเลยแยกยอดเงินได้ของโจทก์และภริยาที่ต้องเสียภาษีออกเป็นคนละส่วน

ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อนตามกฎหมาย จึงไม่รับคำฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เจ้าพนักงานประเมินได้มีแบบ ภ.ง.ด.11 ก.แจ้งการประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้โจทก์ชำระเงินภาษีโดยระบุประเภทเงินได้ที่ต้องเสียภาษีว่าเป็นเงินเดือนของโจทก์ และค่าลิขสิทธิ์แต่งหนังสือของภริยาซึ่งหักภาษี ณ ที่จ่ายไม่ครบ ให้โจทก์ชำระเพิ่มตามจำนวนที่ขาด เป็นหนังสือแจ้งการประเมินถึงโจทก์โดยถือเอาเงินได้พึงประเมินของภริยาเป็นเงินได้ของสามีตามมาตรา 57 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรให้โจทก์มีหน้าที่รับผิดในการเสียภาษี การที่โจทก์ขอให้แยกยอดเงินได้ของนางวิมล ศิริไพบูลย์ หรือเจียมเจริญ ภริยาโจทก์ออกคำนวณภาษีเป็นคนละส่วนกับเงินได้ส่วนของโจทก์โดยแบ่งภาษีออกตามส่วนของเงินได้พึงประเมินที่โจทก์และภริยาแต่ละฝ่ายได้รับเท่ากับโจทก์โต้แย้งการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินว่า โจทก์ไม่ควรต้องรับผิดเสียภาษีสำหรับเงินได้ส่วนของภริยา โจทก์ก็ต้องอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อนจึงจะมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 เมื่อโจทก์ไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะนำคดีมาสู่ศาลได้ การที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการกองภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีหนังสือตามภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 และหมายเลข 10 แจ้งว่า ยังไม่สมควรแยกยอดเงินได้ของโจทก์และภริยาโดยไม่ให้เหตุผล โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 มีหนังสือแจ้งการพิจารณาของเจ้าพนักงานประเมินตามคำร้องของโจทก์ที่ขอให้แก้ไขการประเมินภาษีโดยขอให้แยกยอดเงินได้ของสามีและภริยาเท่านั้น ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ทั้งการพิจารณาว่าสมควรจะแบ่งภาษีออกตามส่วนของเงินได้ที่สามีและภริยาแต่ละฝ่ายได้รับหรือไม่ ก็เป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานประเมิน และถึงอย่างไรโจทก์ก็ยังต้องรับผิดตามมาตรา 57 ตรี ในการเสียภาษีที่ภริยาค้างชำระอยู่นั่นเอง โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องต่อศาล

พิพากษายืน

Share