คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2335/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกดอกเบี้ยเป็นเงิน 5 บาท จากเงินฝาก200 บาทที่โจทก์ฝากไว้กับจำเลยตามสัญญา แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่า ก่อนจำเลยที่ 1 ปิดบัญชีเงินฝากของโจทก์ โจทก์มีเงินที่ฝากไว้กับจำเลยที่ 1 เป็นจำนวนเท่าใด ระยะเวลาดังกล่าวจะทำให้โจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 หรือไม่ ฟ้องของโจทก์ข้อนี้จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 664 เมื่อสัญญาฝากเงินประเภทจ่ายคืนเมื่อทวงถามนั้น เป็นการฝากทรัพย์โดยไม่มีกำหนดเวลา ผู้รับฝากจึงอาจคืนทรัพย์นั้นได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2519 โจทก์เข้าทำสัญญาเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์กับจำเลยที่ 1 ตามบัญชีเลขที่ 6754 และได้นำเงินเข้าฝากและถอนจากบัญชีเงินฝากหลายครั้งครั้นวันที่ 15ตุลาคม 2522 จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์ขอเปลี่ยนแปลงสัญญาโดยกำหนดว่าหากยอดเงินคงเหลือในเดือนใดตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม2522 ต่ำกว่า 2,500 บาท ธนาคารจะคิดค่าบริการเป็นเงิน 100 บาทต่อเดือนและไม่คิดดอกเบี้ยให้ โจทก์มีหนังสือคัดค้านไม่ยินยอมไปยังจำเลยที่ 1 ต่อมาวันที่ 19 ธันวาคม 2522 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2ซึ่งกระทำในฐานะส่วนตัวและแทนจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งโจทก์ว่าได้ปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของโจทก์ โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่แจ้งสาเหตุ เป็นการปฏิบัติผิดสัญญาบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ข้อ 6 ทั้งเป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505 และเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ โจทก์ขอเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญาเงินฝากออมทรัพย์เป็นเงิน 500 บาท ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ไม่ได้ใช้บริการของจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 500 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5.5 ต่อปีจากต้นเงิน200 บาท นับแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2522 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 5 บาทรวมเป็นเงิน 1,005 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 1,005 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การว่า ตามข้อสัญญาฝากเงินออมทรัพย์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ให้สิทธิจำเลยที่ 1 ที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงระเบียบการฝากเงินได้ และการที่จำเลยที่ 1 ปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของโจทก์ เป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการฝากเงินของโจทก์กับจำเลยที่ 1 มิได้กำหนดเวลาคืนทรัพย์ไว้ ผู้รับฝากจึงอาจคืนทรัพย์สินได้ทุกเมื่อ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองและสำหรับดอกเบี้ยเงิน 5 บาทนั้น โจทก์มิได้กล่าวอ้างโดยชัดแจ้งว่ามีมูลเหตุใดที่เรียกร้องได้

ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องสืบพยานจึงสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาพิพาทรายนี้เป็นสัญญาฝากทรัพย์โดยเป็นการฝากเงินไม่มีกำหนดเวลา นัยหนึ่งเป็นการฝากเงินประเภทจ่ายคืนเมื่อทวงถามและตามสัญญาข้อ 6 ให้สิทธิแก่จำเลยปิดบัญชีเงินฝากของโจทก์ได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยที่ 1ในฐานะผู้รับฝากจึงอาจคืนทรัพย์นั้นได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 664

สำหรับฟ้องโจทก์เรียกดอกเบี้ยจากเงินฝากเป็นเงิน 5 บาทนั้นโจทก์กล่าวอ้างเป็นค่าดอกเบี้ยซึ่งโจทก์มีสิทธิจะได้ในจำนวนเงิน 200บาท ที่โจทก์ฝากไว้กับจำเลยตามสัญญา แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏว่า ก่อนจำเลยที่ 1 ปิดบัญชีเงินฝากของโจทก์ โจทก์มีเงินที่ฝากไว้กับจำเลยที่ 1 เป็นจำนวนเท่าใด ระยะเวลาดังกล่าวจะทำให้โจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 หรือไม่ ฟ้องของโจทก์ข้อนี้จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม

พิพากษายืน

Share