แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจให้ผู้คัดค้านไว้ล่วงหน้า ก่อนนำไปจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองเป็นเวลาประมาณ 1 ปีและได้มีการจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองจำนวน 3,500,000 บาท เมื่อวันที่15 กุมภาพันธ์ 2533 ซึ่งอยู่ในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลาย ดังนี้ ต้องถือเอาวันที่มีการจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองเป็นวันที่จำเลยกระทำ หรือยินยอมให้กระทำการจำนองหาใช่ถือเอาวันที่จำเลยลงลายมือชื่อลอยในแบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจให้ไว้แก่ผู้คัดค้านไม่ การที่จำเลยกระทำหรือยินยอมให้กระทำการจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองจำนวนดังกล่าว ทั้งที่มีเจ้าหนี้อื่น ๆยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้รวมเป็นเงิน 16,069,344.06 บาท ในขณะที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์สินของจำเลยได้เพียง200,000 บาทเศษ ย่อมถือได้ว่าจำเลยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนการขึ้นเงินจำนองดังกล่าวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้คัดค้านสุจริตหรือรู้เห็นเป็นใจเอาเปรียบเจ้าหนี้อื่นหรือไม่
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าจำเลยได้จดทะเบียนขึ้นเงินจำนองจำนวน3,500,000 บาท ในระหว่างระยะเวลา 3 เดือน ก่อนมีการขอให้ล้มละลายโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ขอให้เพิกถอนการขึ้นเงินจำนองดังกล่าวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ได้มีการขึ้นเงินจำนองครั้งที่ 1เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2533 อีกจำนวน 3,500,000 บาท จริงแต่จำเลยมิได้มีส่วนรู้เห็นและไม่ทราบว่ามีการขึ้นเงินจำนองแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำการใดเพื่อมุ่งให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองเป็นประกันครั้งที่ 1 ในโฉนดที่ดินเลขที่ 2328 แขวงคลองมหานาคเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์2533 ระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดเต็กเฮงหลีค้าไม้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2531 ห้างหุ้นส่วนจำกัดเต็กเฮงหลีค้าไม้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้กับผู้คัดค้านจำนวนเงิน 12,000,000บาท วันที่ 31 ตุลาคม 2531 จำเลยได้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 2328เลขที่ดิน 63 หน้าสำรวจ 359 ตำบลคลองมหานาค (นางเลิ้ง) อำเภอป้อมปราบศัตรูพ่าย (ดุสิต) กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ทั้งหลายทั้งปวงของห้างหุ้นส่วนจำกัดเต็กเฮงหลีค้าไม้ต่อผู้คัดค้านโดยตกลงรับผิดชอบเป็นลูกหนี้ร่วมกับห้างดังกล่าวปรากฏตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี และหนังสือสัญญาจำนองที่ดินเอกสารหมาย ร.5 และ ร.7 ตามลำดับ ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2533ห้างหุ้นส่วนจำกัดเต็กเฮงหลีค้าไม้เป็นหนี้ผู้คัดค้านรวมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงิน 20,213,035.83 บาท ปรากฏตามบัญชีกระแสรายวันเอกสารหมาย ร.8 แผ่นที่ 23 และเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2533ได้มีการจดทะเบียนเพิ่มเงินจำนองดังกล่าวขึ้นอีก 3,500,000 บาทปรากฏตามบันทึกข้อตกลงเรื่องขึ้นเงินจำนองเป็นประกันครั้งที่ 1เอกสารหมาย ร.9 คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่4 พฤษภาคม 2533 ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่20 มิถุนายน 2533 มีเจ้าหนี้ยื่นขอรับชำระหนี้รวม 10 ราย จำนวนเงิน16,069,344.06 บาท ปรากฏตามสำเนารายงานของผู้ร้องเอกสารหมาย ร.1ผู้ร้องรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยได้ 200,000 บาทเศษ
คดีมีปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า มีเหตุที่ศาลจะสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ขอให้จำเลยล้มละลายเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม2533 และศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 20มิถุนายน 2533 ได้มีการจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองจำนวน 3,500,000 บาทตามเอกสารหมาย ร.9 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2533 ซึ่งอยู่ในระหว่างระยะเวลา 3 เดือนก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลาย แม้จะรับฟังตามทางนำสืบของผู้คัดค้านว่าจำเลยได้ลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจให้ผู้คัดค้านไว้ล่วงหน้าก่อนนำไปจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองเป็นเวลาประมาณ 1 ปีก็ตาม ก็ต้องถือเอาวันที่มีการจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองเป็นวันที่จำเลยกระทำหรือยินยอมให้กระทำการจำนอง หาใช่ถือเอาวันที่จำเลยลงลายมือชื่อลอยไว้ในแบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจให้ไว้แก่ผู้คัดค้าน ดังฎีกาของผู้คัดค้านไม่การที่จำเลยกระทำหรือยินยอมให้กระทำการจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองจำนวน 3,500,000 บาท ดังกล่าว ทั้งที่มีเจ้าหนี้อื่น ๆยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ในคดีนี้รวม 10 ราย เป็นเงิน 16,069,344.06บาท ในขณะที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์สินของจำเลยได้เพียง 200,000 บาทเศษเท่านั้น การจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านแต่ผู้เดียวมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์จำนองได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ย่อมถือได้ว่าจำเลยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนการขึ้นเงินจำนองดังกล่าวเสีย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 115 ที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าผู้คัดค้านได้จดทะเบียนขึ้นเงินจำนองโดยสุจริต จะฟังว่าผู้คัดค้านรู้เห็นเป็นใจเอาเปรียบเจ้าหนี้อื่นไม่ได้ เห็นว่า การเพิกถอนตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กล่าวข้างต้นเพียงแต่ลูกหนี้ได้กระทำหรือยินยอมให้กระทำโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบเหนือเจ้าหนี้อื่นศาลก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนได้แล้วกฎหมายหาได้คำนึงถึงความสุจริตของเจ้าหนี้ผู้ถูกเพิกถอนไม่ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน