คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องและคำขอของโจทก์ประสงค์ขอค่าปรับรายวันตามสัญญาข้อ 9 เพียงกรณีเดียวเท่านั้น ซึ่งค่าปรับนี้ได้ยุติลงแต่ศาลชั้นต้นแล้วว่าโจทก์จะบังคับตามสัญญาข้อ 9 ไม่ได้ และโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ ส่วนค่าเสียหายอย่างอื่นโจทก์มิได้ฟ้องและขอมาด้วยแต่อย่างใด ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ให้จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายอย่างอื่นแก่โจทก์มานั้นจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดสัญญา ขอให้จำเลยใช้ค่าปรับพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิปรับตามสัญญาแต่จำเลยผิดสัญญาควรรับผิดค่าเสียหายแก่โจทก์ พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 15,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องเพราะศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอ
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเกินคำฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยทำสัญญาขายเครื่องกรอด้าย 1 เครื่อง ราคา 154,500 บาท ให้โจทก์ส่งมอบภายในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2527 โดยสัญญาว่าหากจำเลยไม่นำสิ่งของมาส่งมอบให้โจทก์ถูกต้องภายในกำหนดสัญญายอมให้โจทก์ปรับรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของ ภายหลังทำสัญญาแล้วจำเลยส่งของให้โจทก์ไม่ถูกต้องตรงตามสัญญา ปัญหามีว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เพียงใด เห็นว่า คำฟ้องและคำขอของโจทก์มุ่งประสงค์ขอบังคับตามสัญญาข้อ 9 คือค่าปรับรายวันในอัตราร้อยละ0.2 ของราคาสิ่งของคิดเป็นเงินวันละ 309 บาท นับแต่วันที่ 29พฤศจิกายน 2527 ซึ่งเป็นวันถัดจากวันครบกำหนดการส่งมอบถึงวันที่27 สิงหาคม 2528 ซึ่งเป็นวันบอกเลิกสัญญารวมระยะเวลา 272 วันคิดเป็นเงินค่าปรับ 84,048 บาท เพียงกรณีเดียวเท่านั้น ซึ่งค่าปรับตามสัญญาข้อ 9 นี้ได้ยุติลงแต่ศาลชั้นต้นแล้วว่าโจทก์จะบังคับตามสัญญาข้อ 9 ไม่ได้ และโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ ส่วนค่าเสียหายอย่างอื่น โจทก์มิได้ฟ้องและขอบังคับมาด้วยแต่อย่างใดดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ให้จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายอย่างอื่นแก่โจทก์มานั้นจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share