แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 909 ที่บัญญัติให้ตั๋วแลกเงินมีรายการคำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงินนั้น ไม่ได้บังคับให้เขียนชื่อตั๋วแลกเงินที่หัวกระดาษตั๋วแลกเงินเสมอไป คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงินอาจปรากฏอยู่ในข้อความของตั๋วแลกเงินนั้นเองก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สั่งซื้อสินค้าแอมโมเนียซัลเฟตจากโจทก์คิดเป็นเงิน 16,953.13 ดอลล่าร์สหรัฐ โจทก์ได้ส่งสินค้าดังกล่าวให้จำเลยรับไปแล้ว ต่อมาโจทก์นำตั๋วแลกเงินมาเรียกเก็บเงินจากจำเลยโดยสั่งให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าว ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ได้เห็น จำเลยได้รับรองตั๋วแลกเงินดังกล่าวแล้ว ครั้นถึงกำหนดจำเลยก็ไม่ชำระเงินตามตั๋วแลกเงินให้โจทก์ เมื่อทวงถามจำเลยชำระให้เพียง723.07 ดอลล่าร์ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การต่อสู้คดีและว่าตั๋วแลกเงินตามฟ้องไม่มีคำว่า”ตั๋วแลกเงิน” ไม่สมบูรณ์ รับฟังเป็นตั๋วแลกเงินไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 337,585.25 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 969 (2) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วที่จำเลยฎีกาว่า ตั๋วแลกเงินที่โจทก์นำมาฟ้องไม่มีคำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงินที่หัวกระดาษตั๋วแลกเงินจึงไม่สมบูรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 909 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น เห็นว่าตั๋วแลกเงินที่ว่าต้องมีรายการ คือ คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงินนั้น กฎหมายไม่ได้บังคับให้เขียนชื่อตั๋วแลกเงินที่หัวกระดาษตั๋วแลกเงินเสมอไป คำบอกชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงิน อาจปรากฏอยู่ในข้อความของตั๋วแลกเงินนั้นเองก็ได้ ตั๋วแลกเงินของบริษัทโจทก์ที่ออกในต่างประเทศแบบพิมพ์ของตั๋วเงินอาจใช้ข้อความแตกต่างกันได้ นายเอส.จี.สมอลวู๊ด พยานโจทก์ให้การว่า คำว่า “ตั๋วแลกเงิน” ในเอกสารหมาย จ.1 มีปรากฏในคำภาษาอังกฤษว่า เฟิสท์ออฟเอกซ์เซนซ์ จำเลยให้การรับว่าตั๋วสัญญาใช้เงิน คือเอกสารหมาย จ.1 ดังนั้น จึงฟังได้ว่าเอกสารหมาย จ.1 เป็นตั๋วแลกเงินที่ชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน